ສະບາຍດີ การเดินทางสู่ … สายหมอก ภูเขา และความสวยงามของธรรมชาติริมฝั่งโขง
จากเมืองไทยไปเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว นอกจากบินตรงโดยเครื่องบินหรือนั่งรถบัสผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ไม่ว่าจะเป็นทางจ.น่าน หรือ จ.เชียงราย แล้ว ยังมีอีกการเดินทางที่นักท่องเที่ยวเลือกกัน คือ “ล่องเรือ”(Slow Boat) โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวยุโรปและชาวอเมริกา เรียกง่ายๆว่า ฝรั่ง … พวกเขานิยมที่จะเดินทางมาเที่ยวทางภาคเหนือของไทย แล้วต่อเรือไปลาวแบบ Slow Boat นั้นเอง
ไนท์เคยมาเที่ยวหลวงพระบางครั้งหนึ่งแล้วเมื่อช่วงกลางปี 2016 ครั้งนั้นผมเดินทางโดยเครื่องบินทั้งไปและกลับ แต่ครั้งนี้ผมถูกเชิญชวนจากเพื่อนร่วมทริป โดยการเที่ยวเชียงใหม่แล้วเดินทางต่อไปเชียงของ จ.เชียงราย หลังจากนั้นก็ขึ้นเรือ (Slow Boat) เพื่อมาเที่ยวเมืองหลวงพระบาง … จึงเป็นที่มาของรีวิวนี้ครับ (อัพเดทการเดินทางโดย Slow Boat ล่าสุด)
รีวิว “หลวงพระบาง” ฉบับเต็ม สวยงามแค่ไหน กดไปอ่านที่ >>> www.nightphoomin.com/luangprabang
เราเดินทางออกจากเชียงใหม่โดยรถบัสเขียว(Green Bus) ผมเลือกที่นั่ง VIP 395 บาท(เบาะใหญ่กว่าที่นั่งปกติ) ออกเวลา 8.00น. ใช้เวลาเดินทางถึงเมืองเชียงของ จ.เชียงราย ประมาณ 6 ชั่วโมง แล้วเราต้องนอนค้างที่นี่ 1 คืน เพราะเช้าเราต้องทำเรื่องที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง แล้วข้ามฝั่งเพื่อไปขึ้นเรือ Slow Boat ที่ท่าห้วยทราย ประเทศลาว มุ่งสู่เมืองหลวงพระบาง ซึ่งเรือออกเวลา 11.30น.
เรามีเวลาช่วงเย็นและตอนกลางคืน เพื่อเดินเล่นชมวิวริมแม่น้ำโขงของเมืองเชียงของ ที่นี่มีโรงแรมมากมายให้เลือก แล้วยังมีร้านอาหารริมโขง, ร้านกาแฟน่ารักๆ, บาร์ให้นั่งชิลๆ รวมไปถึงวัดวาอาราม ครับ บางโรงแรมมีจักรยานให้ปั่น ปั่นวนๆอยู่ริมโขง ร้านต่างๆอยู่ไม่ไกลกันมากครับ
จาก เชียงของ สู่ หลวงพระบาง
เช้าวันรุ่งขึ้น 8 โมงเช้า เราต้องเดินทางไปที่ด่านตรวจคนเข้ามเมืองเชียงของ ซึ่งไม่ว่าจะคนไทยหรือชาวต่างชาติต้องผ่าน ณ จุดนี้ เพื่อเข้าประเทศลาวเท่านั้น … เพราะรีวิวเก่าๆบอกไว้ว่า เราสามารถข้ามเรือจากท่าเชียงของ เพื่อไปยังบ้านห้วยทรายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้เลย ตอนนี้ทำแบบนั้นไม่ได้แล้วนะครับ (ถ้าทำแบบนั้นคุณจะรับแต่ใบผ่าน อยู่ได้แค่ห้วยทราย ไม่สามารถท่องเที่ยวในลาวได้) … ฉะนั้นเมื่อเราผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองจากฝั่งไทยเข้าฝั่งลาวเรียบร้อยแล้ว เราต้องเหมารถขึ้นไปท่าห้วยทราย คันละ 400 บาท ใช้เวลาเดินทางจากด่านฝั่งลาว 20 นาที
เมื่อถึงท่าเรือห้วยทราย เราจะมองเห็นฝั่งเชียงของ(ที่เรามา) ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มีเรือ Slow Boat จอดอยู่หลายลำ เราต้องไปซื้อตั๋วก่อน โดยราคาตั๋วจากห้วยทราย-หลวงพระบาง ราคา 210,000 กีบ หรือ 840 บาท ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 30 ชั่วโมง โดยล่องตามแม่น้ำโขง เมื่อถึงครึ่งทางคือ เมืองปากแบง เราต้องนอนค้างที่นี่ 1 คืน แล้วรุ่งเช้าของอีกวันเราถึงจะขึ้นเรือไปหลวงพระบางอีกต่อหนึ่งครับ (ว่าง่ายๆ นั่งเรือ 2 ต่อ)
หลังจากซื้อตั๋ว เรานั่งกินข้าวเช้าในร้านอาหารแถวๆนี้ เราจะเห็นนักท่องเที่ยวมากมายทยอยเดินทางมาที่ท่าเรือแห่งนี้ โดยจุดหมายปลายทางของทุกคนคือ “หลวงพระบาง” พอได้เวลา 11 โมง ทุกคนเตรียมพร้อมอยู่บนเรือ(เลือกที่นั่งตายใจชอบ) และออกเดินทางในเวลา 11.30น. โดยเรือค่อยๆล่องไปตามแม่น้ำโขงช้าๆ และแวะส่งคนลาวตามหมู่บ้านที่ผ่านประมาณ 3-4 หมู่บ้าน ส่วนถ้าใครหิว บนเรือมีขายอาหาร,ขนม และเครื่องดื่ม … ระหว่างทางเราได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากนักท่องเที่ยวที่มาจากทั่วโลก เป็นการสร้างมิตรภาพดีๆที่เราคงหาไม่ได้จากการขึ้นเครื่องบินหรือนั่งรถบัส และเรือใช้เวลา 6 ชั่วโมง ก็เดินทางมาถึงเมืองปากแบง ซึ่งหมายความว่าเรามาถึงครึ่งทางแล้ว (บอกเลยว่า นักท่องเที่ยวที่เจอกันบนเรือ ตามไปเต้นด้วยกันในผับที่ปากแบง …สนิทกันไปอี๊กกกก)
ปากแบง ครึ่งทาง
เมื่อถึงเมืองปากแบง จะมีคนเชียร์โรงแรมมายืนต้อนรับและเชียร์ให้ไปพักโรงแรมของพวกเขา ราคาตั้งแต่คืนละ 100 บาท/เตียง ขึ้นไป บางห้องมี 2-3 เตียง ก็แชร์ค่าห้องกันได้ หรือจะโรงแรมแพงๆหลักหลายร้อยบาทก็มีให้เลือก เราเลือกเตียงละ 100 บาท เป็นการประหยัด (บุญมี เกสต์เฮ้าส์) หลังจากนั้นก็ขึ้นรถ 2 แถวของโรงแรม ไปส่งที่โรงแรมครับ
ใกล้กับโรงแรมที่เราพัก มีบาร์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว (มีอยู่บาร์เดียวที่นี้) ชื่อ “Happy Bar” เวลาประมาณ 4 ทุ่ม หลังจากกินข้าวเย็น พักผ่อนแล้ว จะเห็นนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยมาดื่มเบียร์ นั่งสังสรรค์กัน สนุกสนาน … ผมก็ไม่พลาดแน่นอน บาร์ปิดประมาณ ตี 1 ครับ
เช้าวันรุ่งขึ้นเราตื่นกัน 7 โมง เพื่อกินข้าวเช้า และต้องไปเตรียมขึ้นเรือในเวลา 8.30น. และเรือจะออกจากท่าปากแบงไปหลวงพระบางในเวลา 9.30น. … เช้านี้อากาศดี เห็นหมอกลงต่ำบนภูเขา แม่น้ำโขงที่สวยงาม ถือว่าเป็นบรรยากาศดีๆที่ได้มา Slow Life ในทริปนี้ (เดินทาง 30 ชม. ไม่เรียกสโลว์ก็ไม่รู้จะเรียกอะไร ฮาฮา) เวลาเดินทางไปหลวงพระบางจากเมืองปากแบง ราวๆ 9 ชั่วโมงครับ (หลับ ตื่น ดูวิว repeat)
เราเดินทางมาราวๆ 7 ชั่วโมง จนถึงแม่น้ำอูตัดกับแม่น้ำโขง จุดนี้เรียกว่า “ปากอู” ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ถ้ำปากอู” หรือ “ถ้ำติ่ง” อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของหลวงพระบาง ซึ่งถ้าผ่านจัดนี้ เราจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงท่าเรือ Slow Boat ของเมืองหลวงพระบางแล้วละครับ
ສະບາຍດີ ຫຼວງພຣະບາງ
ถึงแล้วท่าเรือ Slow Boat หลวงพระบาง เมืองมรดกโลกอันสวยงามของประเทศลาว ดีใจได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง แต่ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปมากๆ (เดินทางตั้ง 30 ชั่วโมง ฮาฮา) หลังจากเรารับกระเป๋า ก็เดินทางขึ้นไปด้านบนท่าเรือ เพื่อเสียค่ารถ 20,000 กีบ (80 บาท) เพื่อเดินทางเข้าเมืองหลวงพระบางหรือไปส่งที่โรงแรมครับ
รีวิว “หลวงพระบาง” ฉบับเต็ม สวยงามแค่ไหน กดไปอ่านที่ >>> www.nightphoomin.com/luangprabang
สรุป การเดินทางโดย Slow Boat จากเชียงของสู่หลวงพระบาง ถือว่าเป็นความทรงจำดีๆระหว่างการเดินทาง สัมผัสความรู้สึกชีวิตบนเรือล่องแม่น้ำโขงหลายชั่วโมง ได้รับมิตรภาพดีๆที่ได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้ชีวิตร่วมกันบนเรือแสนยาวนาน ความสนุกของผับบาร์ที่เมืองปากแบง รวมถึงสายหมอก ภูเขา ความสวยงามริมฝั่งโขงที่อุดมสมบูรณ์ และนี้คือประสบการณ์เดินทาง 30 ชั่วโมง จาก เชียงของ สู่ หลวงพระบาง ที่ยากจะลืมเลือน … (ควรมาหน้าหนาวดีที่สุด) ขอบคุณที่ติดตาม เจอกันรีวิวหน้าครับ
ติดตามเพจผมได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/NightPhoominOfficial
Instagram: www.instagram.com/nightphoomin
Twitter: www.twitter.com/nightphoomin