วนรถไปครับ … บทสัมภาษณ์ “ผู้ชาย(ยืน)ขายตัว” บนถนนโลกีย์

บทความนี้ไม่มีเจตนาเห็นด้วยหรือสนับสนุนการกระทำลักษณะนี้ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน 

จากตัวอย่างซีรีย์เรื่องหนึ่งที่ปล่อยออกมาสร้างความฮือฮาในโลกออนไลน์ ด้วยประโยคต้นคลิปที่ว่า “500 รุก ไซร้ ชัก ไม่รีบ” … ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว สมัยนั้นผมยังทำงานเบื้องหลังรายการโทรทัศน์ แล้วมีอยู่ตอนหนึ่งที่มีเรื่องเกี่ยวข้องกับ “ผู้ชายขายบริการ” ทำให้ผมและทีมงานต้องออกไป research ข้อมูล เพื่อนำสิ่งที่ได้มาทำให้เนื้อหารายการสมบูรณ์ … และนี่คือ บทสัมภาษณ์ที่ผมไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน และได้ถูกเขียนเพื่อตีแผ่เรื่องราวฉาวๆในบทความที่คุณกำลังอ่านอยู่นี้เป็นครั้งแรก!

hateyouserie

ภาพจากตัวอย่าง Hate You Series

เวลา 4 ทุ่มครึ่ง เป็นเวลาที่เหมาะสมกับการที่เราเดินทางมาเพื่อหาคำตอบที่เราอยากได้จากชาย(ยืน)ขายบริการ เราขับรถมาบนถนนราชดำเนินใน(สนามหลวง) ต่อเนื่องถนนสนามไชยผ่านหน้ากระทรวงกลาโหม และเลี้ยวซ้ายตรงวังสราญรมย์ เพื่อเข้าสู่ถนนเจริญกรุง หรือจะเลี้ยวขวาวนไปหน้าวัดโพธิ์ และวนรอบวัดพระแก้ว การขับรถวนดูแบบนี้ เรียกกันติดปากว่า “วนวัง” … โดยส่วนตัวรู้จักเรื่องแบบนี้มาเป็น 10 กว่าปี ตั้งแต่เข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ผมก็ได้ยินเรื่องแบบนี้จนชินหูโดยเฉพาะในกลุ่มเกย์ แล้วทำให้เราคิดว่า จุดเริ่มต้นของชายที่เริ่มยืนคนแรก จนกลายมาเป็น “วัฒนธรรมมืด” ถึงทุกวันนี้เป็นใครกัน ถ้าผมจะคิดไปก็เท่านั้น เพราะคงหาคำตอบไม่ได้ แต่สิ่งที่เราอยากถามเพื่อไปใช้ในรายการ ต้องมีคำตอบให้พวกเราในคืนนี้ 

วนวัง

แผนที่แสดงบริเวณที่มีผู้ชาย(ยืน)ขายบริการ

เราวนรถกันอยู่สักพักจนมาถึงข้างวังสราญรมย์ ไปหยุดจอดก่อนขึ้นสะพานข้ามคลองบนถนนเจริญกรุงตัดกับซอยราชินี เราพบกับผู้ชายวัยรุ่นรูปร่างสูงผอม อายุราวๆ 20 ปี พยักหน้าให้พวกเรา แสดงถึงความ Welcome เฮ เปิดกระจกมาสอบถามราคาผมซิ … ซึ่งเป็นเรื่องปกติของผู้ชายที่ยืนขายบริการในระแวกนี้จะพยักหน้าส่งสัญญาณกับคนที่มาวนรถว่า พวกเขาคือคนที่คุณกำลังตามหาและอาจจะเป็นคนที่คุณเลือกในคืนนี้ … เราลดกระจกเพื่อถามหนุ่ม(คนแรก)ที่เราเลือกจะคุยด้วย เขาเดินเข้ามาใกล้รถที่เราขับมา แล้วทีมงาน(ผู้หญิง)ก็ถามเขาว่า “อายุเท่าไร?”

“19 ครับ” ตอบแบบน้ำเสียงมั่นใจ ไม่ได้มีความเขินอายถึงแม้ว่าผู้หญิงเป็นคนถาม

“อะไรยังไงบ้างน้อง?” ผมเริ่มถามต่อ

“รุกอย่างเดียว ไม่รับครับ”

“ราคาเท่าไหร่”

“ถ้าในรถก็ 300(ชักให้ดู) ไปโรงแรม 500 ครับพี่” 

สิ่งที่น้องตอบมาก็เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นที่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจสักเท่าไหร่ ผมเลยถามไปอีกว่า “ดูน้องเด็กมาก แล้วมีเด็กกว่านี้มายืนแบบนี้บ้างไหม?”

น้องตอบอย่างไม่ลังเล “14-15 ก็มีพี่”

“แล้วทำไมเขาถึงมายืน?”

“บางคนก็เอาเงินไปเล่นเกม บางคนก็เอาไปเที่ยวกินเหล้าเมายากับเพื่อน”

ความรู้สึกหลังจากที่เราได้ยินคำตอบ ทำให้นึกสงสัยเหมือนกันว่า สังคมที่พวกเขาอยู่มีสภาพแวดล้อมยังไงกันถึงได้มีแรงจูงใจทำให้เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มายืนขายบริการในเวลาวิกาลเช่นนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะความคิดสั้นๆ แค่ต้องการเที่ยวเล่นสนุกตามประสาวัยรุ่น โดยไม่สนใจอนาคตก็เท่านั้นเอง 

.

เราขอบใจน้องเขากับข้อมูลที่ให้เรา ส่วนน้องก็ไม่มีท่าทีแสดงออกว่า โอเคหรือไม่โอเค เพียงแค่เฉยๆกับที่เราถาม (น้องคงอาจจะโดนถามแบบนี้บ่อยๆจากผู้ซื้อ จนชินซะแล้ว) หลังจากนั้นเราวนรถต่อเข้าถนนอัษฎางค์และวนรถผ่านข้างกรมแผนที่ทหารกับกระทรวงกลาโหม เราเจอเด็กวัยรุ่นหน้าตาดี รูปร่างใช้ได้ เขายืนอยู่ริมถนน แน่นอนว่าเขาพยักหน้าเชิญชวนพวกเรา แต่ก่อนจะขับมาถึงบริเวณนี้ พวกเราตกลงกันในรถว่า เราอยากได้ข้อมูลเชิงลึกกว่านี้ ถ้าคุยกันริมถนนคงไม่ได้ใจความสำคัญแน่ๆ เมื่อพวกเราเจอเป้าหมายที่ใช่ เราเลยลดกระจกรถ แล้วถามชายหนุ่มคนนั้นไปตรงๆ

“น้องครับ คือพี่อยากสัมภาษณ์น้องเพื่อเก็บเป็นข้อมูล ขอเวลาสัก 30 นาทีจะได้ไหม เราไปเจอกันที่ร้านแม๊คโดนัลล์ตรงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พี่มีเงินให้ 1,000 บาท”

น้องมีทีท่าลังเล ทำให้พวกเราต้องพูดหว่านล้อมว่า “แค่คุยเฉยๆ ไม่มีการถ่ายรูป หรือบันทึกภาพใดๆ”

น้องยืนคิดสักพัก แล้วตอบตกลง “ผมจะนั่งตุ๊กตุ๊กตามไปครับ”

คนเดียวคงยังไม่พอแน่ๆ เราเลยขับรถต่อเพื่อมองหา “ผู้ชายที่ใช่” อีกสักคน พอเราขับมาถึงทางแยกเพื่อออกสู่ถนนสนามไชย เราสะดุดกับ ผู้ชายวัยกลางคน สูงผิวสองสี หุ่นล่ำบึก ใส่เสื้อยืดพอดีตัวโชว์สัดส่วนที่เขามีได้เป็นอย่างดี เราลดกระจกแล้วถามแบบน้องผู้ชายคนก่อนหน้านี้ เขาคิดไม่นาน แล้วตอบตกลงว่าจะไปเจอกับพวกเราตามที่นัดหมายกัน

กระทรวงกลาโหม

ถนนข้างกระทรวงกลาโหมในตอนกลางวัน (ภาพจากอินเตอร์เนท)

เรามาถึงร้านแมคโดนัลล์ก่อน 2 หนุ่มที่เรานัดเอาไว้ จนทำให้เราคิดว่าทั้ง 2 คน อาจจะเปลี่ยนใจไม่มาแล้วก็ได้ แต่เวลานี้ก็ล่วงเลยมาจะเที่ยงคืนแล้ว ถ้าดึกกว่านี้ พวกเราจะไม่ไหวกันแน่ๆและไม่ได้อะไรกลับไปเป็นข้อมูล แล้วสุดท้ายก็ต้องมาที่นี้อีกรอบ เสียเวลาไปอีก ระหว่างที่เราลุ้นกัน ก็เห็นน้องผู้ชายที่เรานัดแนะไว้คนแรกเดินเขาร้านมา ตามด้วยผู้ชายคนที่สองที่เรานัด รู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที ส่วนโต๊ะเราอยู่ติดกระจกมองเห็นวิวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยชัดเจน แน่นอนว่าเราอยากให้ทั้ง 2 คน ผ่อนคลายและรู้สึกว่าเราเป็นมิตร เพราะหลายๆคำถามอาจจะตรงจนพวกเขาไม่กล้าตอบ แต่ก็เป็นหน้าที่ของเราที่เราต้องถามเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เราพอใจ 

.

(ผมขอเรียก น้องผู้ชายคนแรกว่า “น้องเอ” และผู้ชายคนที่สองว่า “พี่บี” เพื่อความไม่สับสนของผู้อ่าน) 

น้องเอเป็นหนุ่มในวัย 24 ปี รูปร่างหน้าตาโดยเฉลี่ยถือว่าดูดีกว่าหลายๆคนที่ยืนอยู่บนถนนโลกีย์แห่งนี้ เราจึงถามตรงๆว่า “เริ่มมาทำแบบนี้ได้ยังไง?”

น้องเอเริ่มเล่าโดยไม่รู้สึกติดขัดใจอะไร “ผมบ้านอยู่ต่างจังหวัด เดินทางเข้ากรุงเทพฯมาหางานทำ รายได้บางส่วนก็ส่งให้ที่บ้าน”

เราถามต่อ “น้องทำงานอะไรอยู่?”

“ผมเคยทำอยู่ร้านนวดแผนไทย แต่เงินไม่พอใช้ ก็เลยมาทำตรงนี้”

“แล้วน้องมาเริ่มยืนได้ยังไง?”

“ผมเคยได้ยินเขาพูดกัน ผมก็ลองมายืนดูบ้าง” น้องเอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนเราเดาความรู้สึกไม่ถูก

เราเริ่มสงสัยว่า น้องเอ เป็นเกย์หรือเปล่าหรือเป็นแค่วัยรุ่นผู้ชายธรรมดาๆที่เลือกจะมายืนหารายได้ใต้แสงไฟบนถนนเท่านั้น 

“แล้วน้องเป็นแบบไหน? พี่หมายถึงมีอะไรกับผู้ชาย แล้วพี่ถามตรงๆ น้องเป็นเกย์ไหม?”

น้องเอคิดสักพักแล้วตอบว่า “ผมมีอะไรกับผู้ชายครั้งแรกที่ร้านนวด ตอนแรกก็รู้สึกแปลกๆ”

พอเราได้ยินคำตอบแบบนี้ ก็ทำให้รู้ว่า มันก็เป็นเรื่องไม่ยากที่จะตัดสินใจมายืนขาย เพื่อให้ผู้ชายด้วยกันเลือกซื้อเขา

“แล้วน้องเป็นแบบไหน?”

“ผมได้ทั้งรุกและรับครับ”

แน่นอนว่า แต่ละค่ำคืนนั้น มีคนขับรถมากหน้าหลายตา มาจอดเทียบริมฟุตบาท เพื่อสอบถามราคา ทำให้เราอยากรู้ว่า มีคนแบบไหนบ้างที่พวกเราควรรู้ “แล้วคนที่มาซื้อน้องมีคนลักษณะไหนยังไง?”

“ก็มีหลายแบบครับพี่ คนทั่วไป บางคนดูดีแบบดาราก็มี ลางคนผมคุ้นหน้าในทีวีแต่จำชื่อเขาไม่ได้ และเคยมีผู้ชายคนหนึ่ง เคยเอาผมไปเลี้ยงด้วย” น้องเอบอกเล่าในสิ่งที่เราไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน ซึ่งเพิ่มความอยากรู้ให้เรามากกว่าเดิม 

“แล้วถ้ามีคนเลี้ยง ทำไมน้องถึงมายืนอยู่ตรงนี้อีก?”

น้องเอเริ่มอธิบาย “เขาเช่าห้องให้ผมอยู่ และให้เงินผมใช้ทุกเดือน” (น้องไม่ได้บอกว่าเท่าไหร่)

ผมคิดในใจว่า น้องมีทางเลือกชีวิตที่ดีกว่านี้ เพราะคนที่รับไปเลี้ยง อาจจะเอ็นดู ให้ที่อยู่ที่กิน รวมถึงงานที่มั่นคงกว่านี้ในอนาคตด้วย(ความเห็นส่วนตัว) “แล้วยังไงต่อ” 

“ผมแอบออกมายืนอีก แล้วเขาจับได้ เขาเลยไม่ได้เลี้ยงผมต่อ” 

น้องเอตอบสั้นๆ ไม่มีทีท่ารู้สึกอะไร แต่คำตอบของน้อง กลับทำให้เรางงไปอีกว่า เหตุผลอะไรถึงกลับมายืนอีก ชีวิตที่มีคนเลี้ยงดูมันไม่ตื่นเต้นพอ หรือว่ารายได้เขายังไม่พออีกหรือยังไงกัน พวกเราได้แต่มองหน้ากัน และไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะมันก็ดูจะส่วนตัวเกินไป ส่วนข้อมูลที่เราได้จากน้องเอก็พอเพียงแล้ว 

.

มาถึงคราวพี่บี หนุ่มล่ำวัยกลางคนกันบ้าง ดูจากบุคลิกท่าทาง แตกต่างจากผู้ชายคนอื่นๆที่ยืน เพราะพี่บีมีความเป็นผู้ชายมาก(แทบไม่มีความเป็นเกย์เลย) โดยเฉพาะหุ่นล่ำๆมีมัดกล้ามอย่างเห็นได้ชัด เราเริ่มถามพี่บีตรงๆว่า “ทำไมถึงมายืน?”

“ผมมาหารายได้ในตอนกลางคืน”

“แล้วกลางวันพี่ทำอะไร?”

“ผมค้าขายกับเมีย”

เราตื่นเต้นกับคำตอบของพี่บีมาก นอกจากรูปร่างหน้าตาที่มีความเป็นผู้ชายมากๆ เขายังมีสถานะ “ผัว” เพราะเขาอยู่กับเมีย(ผู้หญิง)

“พี่มีเมียแล้ว พี่อยู่กับเมีย แล้วออกมายืนแบบนี้ บอกเขายังไง?”

“ผมก็บอกเขาว่า มาทำงานกลางคืน มาเป็นการ์ดให้ผับ” เขาตอบแบบตรงไปตรงมา

“ออกมาทุกวันหรือเปล่าพี่?”

“ไม่ทุกวันหรอก” เขาตอบทันที

เราเลยสงสัยว่า แล้วถ้าเขามีอะไรกับผู้ชายจะเป็นยังไง “แล้วพี่เป็นแบบไหนยังไง?”

“ผมรุกอย่างเดียว”

“คืนหนึ่งกี่รอบ?”

“2-3 รอบ”

คำตอบของพี่เขาทำให้เรามีความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มไปอีก 

“แล้วพี่เอาไหวเหรอ 3 รอบ?”

“บางทีก็ต้องกินยา(ไวอาก้า) จริงๆหลายคนที่มายืนก็กินนะ จะได้อึดๆ ยิ่งทำได้หลายรอบ ก็ได้เงินเยอะ แต่ก็ไม่ได้เอาจนแตกทุกรอบนะ ถ้าเขาเสร็จเราก็หยุด ถ้าเราเสร็จทุกรอบคงไม่ไหว” 

คำตอบพี่บี เคลียร์ชัดมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ผู้ชายหลายๆคนที่มายืนในบริเวณนี้หวังที่จะ “ทำรอบ” ได้หลายๆรอบต่อคืน อาจจะทำแค่ในรถหรือไปโรงแรมใกล้ๆ เพื่อจะกลับมายืนเพิ่มรอบได้สะดวก โดยช่วงเวลายืนก็อยู่ประมาณ 4 ทุ่ม ไปจนถึงตี 2 นั้นเอง พอพวกเราได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างที่เราอยากได้แล้ว เราให้เงินทั้งคู่คนละ 1,000 บาทตามที่ตกลงกันเอาไว้ เป็นค่าเสียเวลาที่มานั่งคุยกับเรา และนี่ถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของผมที่ได้นั่งสัมภาษณ์ “ผู้ชายยืนขายบริการ” ในบริเวณนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมาวนวังเพื่อวนดูผู้ชายก็ตาม

(ปล. จากที่พูดคุย ผู้ชายที่มาทำตรงนี้ จะป้องกันตัวเอง ใช้ถุงยาง เลี่ยงที่จะสัมผัสแบบเนื้อแนบเนื้อ ไม่ว่าจะภายนอกหรือสอดใส่)

aparsaranrom

ถนนสนามไชยตัดกับถนนสราญรมย์ ในตอนกลางวัน (ภาพจากอินเตอร์เนท)

เมื่อ “คนขาย” อยากเอา “คนซื้อ”

ถึงแม้ว่าการสัมภาษณ์หนุ่มๆที่ยืนขายบริการจะเป็นครั้งแรกของผม แต่การอยู่กรุงเทพฯมาหลายปี คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผมกับเพื่อนจะมีความอยากรู้อยากเห็นและเพื่อนบางคนก็มีความอยากลอง มีครั้งหนึ่งผมมา “วนวัง” กับพี่ๆที่มาจากเชียงใหม่ เดินทางมาทำงานในกรุงเทพฯ ราวๆ 2-3 วัน ในคืนหนึ่งหลังจากเราไปปาร์ตี้ที่ย่านสีลม ก็มีพี่คนหนึ่ง(กะเทยแต่งหญิง) อยากมีประสบการณ์วนวังเป็นครั้งแรก ซึ่งเราก็พอจะเข้าใจว่า คนต่างถิ่นเขาก็คงอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมดา ผมเลยต้องเป็นสารถีขับรถนำทัวร์กรุงเทพฯในเวลาตี 3 โดยมีผมเป็นคนขับ พี่อีกหนึ่งคน(เกย์)นั่งข้างหน้า และพี่กะเทย(แต่งหญิง)นั่งเบาะหลังกัน 2 คน 

.

เรามาถึงก็ดึกมากแล้ว ตลาดเริ่มวายแล้ว แต่ก็ยังพอมีหนุ่มๆยืนกันบ้างปะปลาย ผมขับวนอยู่ 2 รอบ พี่กะเทยหลังรถก็บอกให้จอดรถที่หนุ่มที่ยืนอยู่ข้างหน้ารถเรา ห่างไปไม่ไกล ผมจำได้ว่า ผู้ชายที่เราจอดรถเทียบนั้น ยังดูเป็นวัยรุ่นน่าจะอายุ 20 ต้นๆเท่านั้น รูปร่างหน้าตาไทยๆ ก็ถือว่าดูดี เราลดกระจกลงรถเพื่อสอบถาม โดยพี่กะเทยเป็นคนถาม “เท่าไหร่ค่ะน้อง?”

“500 ครับพี่”

พี่กะเทยถามต่อ “ทำอะไรบ้างค่ะ?”

“รุกอย่างเดียวนะครับ”

ด้วยความตื่นเต้น ม่วนอกม่วนใจของคนต่างถิ่น ได้ยินคำตอบแบบนี้ก็มีความสรวลเฮฮา สนุกสนาน ราวกับว่าหนุ่มคนที่ยืนข้างรถของเราตอนนี้เป็นของเล่นชิ้นใหม่ซะแบบนั้น

“พี่จะซื้อน้อง โอเคไหม?” พี่กะเทยถาม(จะเอาจริงๆ) คือตอนแรกผมก็คิดว่าจะมาวนดูวนถามกันเล่นๆเท่านั้น

น้องคิดอยู่พักหนึ่ง สายตาก็มองผม(คนขับ) และพี่อีกคนที่นั่งข้างหน้า แล้วน้องก็พูดว่า “พี่สองคนหน้า ไม่สนใจบ้างหรือครับ?”

อ้าว… คุณพระ! ทำไมเป็นงันละ คนขายจะเลือกคนซื้อซะเอง พวกเรามองหน้ากันเป็นเรื่องขำขัน เพราะพี่ๆในรถทุกคนก็เมาค้างกันมาตั้งแต่ไปเที่ยวผับแล้ว เอาเป็นว่า คืนนี้หมดเวลาสนุกแล้ว เราขอบคุณน้องที่ยืนให้พี่กะเทยได้อ้อล้ออยู่พักใหญ่ๆ แล้วผมก็ขับรถไปส่งพี่ๆเขาถึงที่พัก 

.

ชายเกาหลี กับ หนุ่มนักบอล 

ผมมีเพือนชาวเกาหลีคนหนึ่ง ที่มักจะมาประเทศไทยปีละ 2-3 ครั้ง แล้วเขาก็มักจะมาพักผ่อน โดยการพักที่กรุงเทพฯกับพัทยา เป้าหมายของเขาส่วนใหญ่ คงไม่พ้น “ฟาดเด็กไทย” เพราะ Money Boy สัญชาติไทย Easy Going เอามากๆ (ก่อนที่ผู้อ่านจะคิดไปไกล ผมไม่เคยโดนเขาฟาดนะครับ) … เขามากรุงเทพฯบ่อยจนเราแทบไม่ต้องแนะนำอะไรแล้ว มีอยู่คืนหนึ่ง เราไปนั่งกินผัดไทยทิพย์สมัยด้วยกัน ผมก็นึกสงสัยขึ้นมาว่า เขาจะรู้จัก “วนวัง” ไหม? ผมเลยแกล้งถามเขาเล่นๆว่า 

“Have you ever know the money boy street?”

“Where? I never know before.” เขาทำหน้าตาสงสัยและอยากรู้อยากเห็น

เอาแล้วไงล่ะ กูช่างเป็นไกด์ที่ดีซะเหลือเกิน และไม่น่าจะไปถามเขาเลย แต่พอคิดได้ก็สายไปแล้ว “Near by here, not far”

หลังจากที่เรากินผัดไทยเสร็จ ผมก็ขับรถพาเขาไปชม “Street Boy” (เขาเรียกแบบนั้น) ซึ่งในคืนที่เราไป มีเด็กวัยรุ่นผู้ชายยืนกันหลายคน พอผมเจอคนที่น่าจะโอเค ผมก็ถามเขาว่า “Do you like him?” 

เขาตอบ “No”

เป็นแบบนี้อยู่หลายคน จนเราสงสัยว่าสเปคแกเป็นแบบไหน พอเราจะกลับกัน เพื่อนเกาหลีก็บอกให้ผมชะลอรถเพื่อดูหน้าผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้ารถเราชัดๆ ลักษณะเป็นผู้ชายวัยรุ่นธรรมดาใส่เสื้อบอล หน้าตาโอเค ไม่สูงมาก ดูไม่มีความเป็นเกย์ ผมนึกในใจ “สรุปแกชอบแนวนี้หรือว่ะ?” แล้วเราก็ถามหนุ่มที่ยืนข้างรถเราว่า “แบบไหน?”

“ผมรุกได้รับได้”

“เท่าไหร่ยังไง?”

“500 บาท”

จริงๆแล้วการพาเพื่อนมาวนดูอะไรแบบนี้ เราก็ไม่คาดหวังว่า เพื่อนจะเอาจริงเอาจังกับการมาดู Street Boy แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด เพราะเพื่อนมันจะเอาจริงๆ และเขาให้ผมถามน้องว่า “ถ้าไปโรงแรมของเขา(เพื่อนผม)คิดเท่าไหร่?”

หนุ่มในชุดบอลคิดอยู่สักพัก แล้วตอบว่า “1,000 บาท แต่ผมไม่ค้างนะครับ”

เพือนผมบอกให้ต่อรองเหลือ 800 บาท แต่ก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายไปจบที่ 900 บาท … ในใจก็คิดว่า ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัว ไปถามอะไรแปลกๆตั้งแต่แรก จนต้องเป็นธุระพามาวนดู สุดท้ายก็ต้องพาเพื่อนกับหนุ่มนักบอลคนนี้ไปส่งที่โรงแรม มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็จัดการซะให้จบๆ ผมมาส่งเพื่อนกับคู่ขาของเขาในคืนนี้ที่โรงแรมย่านสุรวงศ์ เราแยกย้ายกันที่นั้น (ผมลืมบอกไป เพื่อนเกาหลีคนนี้เป็นรุก) และในวันรุ่งขึ้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมถามเพื่อนว่าเป็นยังไงกับหนุ่มนักบอลคนนั้น เขาเล่าว่า ก็โอเค ใช้ได้ เขาเป็นหนุ่มอายุ 20 กว่าๆ มายืนขายไม่บ่อย และเอาเงินไปเลี้ยงเมียผู้หญิงอีกที … ฟังแล้วผมก็สิ้นสุดความคิด ณ ตรงนั้น ไม่ได้คิดอะไรต่อ ก็เป็นอีกประสบการณ์ที่เราไม่คาดฝันว่าจะได้เจออะไรแบบนี้ 

.

อัพเดท “ผู้ชายขายตัว” ในปัจจุบัน

การวนวังในยุคนี้ ผู้ชายที่มายืนขายตัวอาจจะน้อยลงไปกว่ายุคก่อนมาก เพราะทางกทม.ได้มีการกั้นเลนสำหรับจักรยาน ทำให้รถที่มาจอดเทียบเพื่อสอบถามหรือซื้อบริการได้ลำบากขึ้น นอกจากนี้ยังมีร้านสปาหรือร้านนวดที่มีบริการแอบแฝง โดยนอกจากค่านวดแล้ว ยังมี “ค่าทิป 1,000 บาท” ที่รู้ๆกันว่าเป็นค่าแรงสำหรับบริการพิเศษ และที่สำคัญเทคโนโลยีในโลกออนไลน์ ก็มีหนุ่มๆหันไปขายตัวผ่าน Line โดยมีนายหน้าหรือพ่อเล้า คอยส่งแคตตาล็อกหนุ่มๆในสังกัดให้ทั้งขาประจำและขาจรได้เลือกซื้อ หรือพูดง่ายๆว่า “ไซน์ไลน์” มีตั้งแต่ระดับนายแบบไปจนถึงบ้านๆ … นอกจากนี้ใน Twitter ยังมีดาวโป๊หลายคนที่มักจะโพสภาพโป๊เปลือยหรือคลิปการร่วมเพศของตัวเอง ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง ก็มักจะเขียนเชิญชวนว่า “รับงาน”(ขายตัว) ผ่านทวิตเตอร์ รวมไปถึงแอพลิเคชั่นหาคู่ในกลุ่มเกย์ต่างๆ ซึ่งหนุ่มๆบางคนเขียนให้ข้อมูลของเขาว่า “ไม่ฟรีนะครับ” พวกนี้คือขายทั้งนั้น … ฉะนั้นช่องทางมากมายเหล่านี้ มีผลทำให้ผู้ชาย(ยืน)ขายในปัจจุบันลดน้อยลงนั้นเอง

สุดท้าย สิ่งที่ผมเล่ามาเป็นชีวิตริมถนนในความมืดที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟ ยากที่จะปฏิเสธได้ว่า “ไม่มีสิ่งนี้เกิดขึ้นในสังคมไทย” เพราะไม่ใช่เพียงรอบวังสราญรมย์หรือรอบวัดพระแก้ว ยังมีถนนอีกหลายสายในกรุงเทพฯที่เป็น “ถนนโลกีย์” แบบนี้ แน่นอนว่า เมื่อมีผู้ต้องการก็ต้องมีผู้ขายเป็นธรรมดา แล้วเราก็ไม่รู้ว่า แหล่งหาซื้อที่ไม่ได้อยู่ตามถนนก็อาจจะมี แต่คงเพราะความสนุกหรือความตื่นเต้นที่ทำให้ผู้คนขับมาวนรถดู อันนี้ผมก็ไม่ทราบได้ … ขอย้ำกันอีกรอบว่า บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาเห็นด้วยหรือสนับสนุนการกระทำดังที่กล่าวมา เพียงแค่ตีแผ่อีกแง่มุมของสังคมและเรื่องราวที่ผมเก็บไว้นานถึง 5 ปี เอามาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งใครได้อ่านแล้วคิดเห็นเป็นยังไง? หรือมีประสบการณ์อย่างไรบ้าง ก็ส่งคอมเมนท์มาเล่าให้ฟังใน Facebook Page นะครับ อย่าลืมกด Like Page http://www.facebook.com/NightPhoominOfficial และกดติดตาม Instagram และ Twiiter … ขอบคุณทุกท่าน พบกันใหม่บทความหน้า

ติดตามไนท์ได้ทางช่องทางเหล่านี้ครับ:

Facebook: http://www.facebook.com/NightPhoominOfficial

Instagram: http://www.instagram.com/NightPhoomin
Twitter: http://www.twitter.com/NightPhoomin

วนวัง, วังสราญรมย์,ผู้ชายขายตัว,ผู้ชายขายบริการ,สกาย ฮอร์โมน, hate you series,ท่องเที่ยว,travel, รีวิว, pantip, พันทิป, review, blogger, บล็อกเกอร์, บล็อกเกอร์ผู้ชาย,บล็อกเกอร์ท่องเที่ยว, travel blogger



I'm the creator and producer of a tv show. Also, I work on social media marketing for artists, products and special projects. I love writing- photography and enjoy sharing them on my social media. I like the hit music, good movies, exercise and traveling. This is my blog. I hope you will enjoy it.