“กีฬา” ชุบชีวิตใหม่เพื่อคนพิการ

8 เหรียญพาราลิมปิกที่นักกีฬาทีมชาติไทยคว้ามาได้ ได้แก่ 4 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง สร้างกระแสให้คนไทยตื่นตัวกับวงการกีฬาอีกครั้งหลังจากกีฬาโอลิมปิคที่เพิ่งจบไปก่อนหน้านี้ … ร้อยยิ้มของนักกีฬาพาราลิมปิคทีมชาติไทยที่ส่งผ่านหน้าจอโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ สามารถทำให้คนไทยหลายล้านคนน้ำตาคลอไปกับความสำเร็จที่เกินความคาดหมายและร่วมยินดีไปกับพวกเขา จากแววตาของนักกีฬาทุกคนบอกเรื่องราวชีวิตที่ต้องฝ่าฟันกับสภาพสังคมที่มองคนพิการเป็นพลเมืองชั้นล่าง และแรงกดดันจากการแข่งขันเพื่อคว้าชัยชนะให้แก่ประเทศ ทำให้วินาทีนี้นักกีฬาพาราลิมปิคทั้ง 50 ชีวิต ถือว่า “ฮีโร่” และสร้างคุณค่าให้กับคนพิการทั้งประเทศได้สำเร็จ

จากสถิติของสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชวิตของคนพิการแห่งชาติ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (ส.ค.2555) มีจำนวนคนพิการในประเทศไทยราว 1.3 ล้านคน และในจำนวนนี้กว่าครึ่งเคยคิดฆ่าตัวตายมาแล้ว สาเหตุจากรับสภาพของตัวเองไม่ได้ บางก็พิการโดยกำเนิด บางก็พิการจากอุบัติเหตุ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากนักกีฬาพาราลิมปิคทุกคนที่มีจุดเริ่มต้นชีวิตไม่ต่างจากคนพิการทั่วไป แต่จุดที่เปลี่ยนชีวิตคือ “กีฬา” เปรียบเสมือนแสงสว่างนำทางชีวิต เป็นเป้าหมายที่พิสูจน์ว่าคนพิการทำอะไรได้มากกว่าที่สังคมส่วนใหญ่ตราหน้าว่ามีอาชีพแค่ขายล๊อตเตอรี่

เพราะฉะนั้นสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของคนพิการที่อยากจะสร้างคุณค่าให้ตัวเองด้วยการเล่นกีฬา โดยนักกีฬาทุกคนต้องแบ่งเวลาเพื่อฝึกซ้อมตามชมรมกีฬาต่างๆ กว่าจะติดทีมชาติไทยไปแข่งระดับโลก ต้องผ่านระดับภูมิภาคจนถึงระดับเอเชีย … กว่านักกีฬาพาราลิมปิดจะคว้าเหรียญให้คนไทยได้ภาคภูมิใจ ทุกคนต้องผ่านความยากลำบากมาแล้วทั้งนั้น และปัจจัยสำคัญคือ “เงินสนับสนุน” เพราะกีฬาคนพิการมีการฝึกซ้อมในรูปแบบของชมรม ซึ่งงบประมาณขึ้นตรงกับสมาคมกีฬาคนพิการเท่านั้น แต่ถ้าเป็นกีฬาของคนครบ 32 ทั่วไป แต่ละประเภทกีฬาจะมีสมาคมของตัวเอง เช่น สมาคมบาส, สมาคมเทควันโด, สมาคมแบตบินตัน เป็นต้น เมื่อเป็น “สมาคม” แล้ว สามารถหาเงินสนุบสนุนหรือเรียกง่ายๆว่าสปอนเซอร์ได้ด้วยตนเอง … ฉะนั้นถ้ายังเป็นแค่ “ชมรม” ไม่สามารถหาเงินสนับสนุนได้ ต้องพึ่งทางสมาคมฯกระจายไปสู่ชมรมต่างๆเป็นหลัก

หลายคนคงเคยคิดว่า “เงินสนับสนุน” สำคัญยังไง? … เงินสนับสนุนนอกจากจะช่วยเหลือเหล่านักกีฬาแล้ว ยังต้องจัดสรรเพื่อการพัฒนาคุณภาพของโค้ช เพราะโค้ชถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการเป็นแก่นนำฝึกซ้อมและพัฒนาทักษะให้นักกีฬาตลอด 4 ปี และระหว่าง 4 ปี ยังมีการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ต่างๆที่จัดขึ้นแล้วแต่ชนิดกีฬา รวมถึงการค้นหานักกีฬารุ่นใหม่ๆเตรียมพร้อมสู้การแข่งขันในอนาคตอีกด้วย

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีหลายองค์กรที่เสนอมอบเงินอัดฉีดนักกีฬาหลังจากคว้า 8 เหรียญพาราลิมปิค ซึ่งถือว่าเป็นกำลังใจและเรื่องน่ายินดีแก่นักกีฬาทุกคน แต่วงการกีฬาคนพิการยังต้องการผู้สนับสนุนที่ช่วยเหลือทั้งระบบมากกว่าส่งเสริมแค่ปลายทาง ซึ่งขอยกตัวอย่างชัดเจนที่สุดคือ “สิงห์ คอปเปอเรชั่น” ที่ให้การสนับสนุนกีฬาคนพิการตลอดมา โดยจะทำข้อตกลงเป็นรายปีร่วมกับสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย และล่าสุดจากงานเลี้ยวต้อนรับทีมนักกีฬาพาราลิมปิคที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา … สิงห์ ยืนยันสนับสนุนวงการกีฬาพาราลิมปิคไทยอีก 4 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ พาราลิมปิค 2016 ที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบลาซิล

นอกจากสิงห์ คอปเปอเรชั่น ยังมีผู้ให้การสนับสนุนนักกีฬาพาราลิมปิคอย่าง เสื้อผ้านักกีฬาตลอดการแข่งขันโดย FBT, ธนาคารเพื่อเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มอบทุนสนับสนุนจำนวน 10 ล้านบาท แก่สมาคมกีฬาคนพิการฯ เป็นระยะเวลา 3 ปี และล่าสุดครอบครัวข่าว 3 ที่จัดงานต้อนรับฮีโร่พาราลิมปิค

สุดท้ายที่อยากจะฝากไว้คือ คนไทยควรให้ความสำคัญกับคนทุกคนไม่ว่าเขาจะครบ 32 หรือเป็นคนพิการ เพราะทุกคนมีสิทธิ์และมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน สร้างสร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้กับคนไทยได้เท่าๆกัน และหวังว่านักกีฬาพาราลิมปิคที่สามารถคว้าเหรียญทั้ง 8 เหรียญ จะเป็นฮีโร่ของคนพิการทั้งประเทศ ให้ลุกขึ้นมาแสดงพลังและสร้างคุณค่าให้ตัวเองสู่สังคมไทยต่อไป

หมายเหตุ: ทีมนักกีฬาคว้า 8 เหรียญพาราลิมปิค 2102 ได้แก่ 4 เหรียญทอง จาก พัทธยา เทศทอง จากบ็อคเซียประเภทเดี่ยว, ทีมบ็อกเซีย ประกอบด้วย พัทธยา เทศทอง, วิษณุ ฮวดประดิษฐ์, มงคล จิตรเสงี่ยม และวัชรพล วงษา, รุ่งโรจน์ ไทยนิยม จากเทเบิลเทนนิส และ สายสุนีย์ จ๊ะนะ จากวีลแชร์ฟันดาบ, 2 เหรียญเงิน ประวัติ วะโฮรัมย์ จากวีลแชร์เรซซิง 1,500 เมตรชาย และทีมวีลแชร์เรซซิง ประเภทผลัด 4×400 เมตรชาย ประกอบด้วย ประวัติ วะโฮรัมย์, สายชล คนเจน, โสภา อินทเสน, ศุภชัย โกยทรัพย์ และ 2 เหรียญทองแดง จาก สายชล คนเจน วีลแชร์เรซซิ่ง 100 กับ 800 เมตร