เรียกว่าดูจบแล้วจับต้นชนปลายไม่ถูก คำว่าจับต้นปลายไม่ถูกไม่ได้หมายความว่า ดูไม่รู้เรื่องนะ … แต่มันแบบ ชั่งเป็นหนังแอคชั่นซะจริงๆ ก็เป็นสิ่งที่ผู้กำกับอย่าง Robert Schwentke ถนัด (เคยกำกับ RED, Flightplan) สำหรับภาคต่อของ Divergent นี้ ตัวละครเกือบทุกตัวค่อนข้างสับสนในตัวเอง ไม่รู้จะดีหรือจะเลว ไม่รู้ว่าจะขาวหรือดำ นั้นเป็นข้อดีที่ทำให้เราลุ้นไปกับหนังตลอดทั้งเรื่อง แต่มองอีกมุมหนึ่ง การที่ดราม่าไม่สุด(ไม่เข้มข้นเท่าภาคแรก) ทำให้เรารู้สึกดูหนังแอคชั่นเพลินๆ ค่อยๆคลายปมไปที่ละปมจนจบ สนุกนะ แต่ไม่อิ่ม ทำนองนั้นเอง
สำหรับคนที่อ่านหนังสือ บอกเลยว่า ทำใจไปเลย เนื้อหาของหนังมีความเป็นหนังมาก ประชับตัดตอนสุดๆ ถึงแม้หนังจะนาน 120 นาทีก็ตาม ฉะนั้นแฟนหนังสืออาจจะรู้สึกไม่เต็มอิ่มอย่างที่ตั้งใจ
สำหรับนักแสดงแล้ว ไม่มีอะไรจะคอมเมนท์นะ เพราะว่าไม่มีใครโดดเด่นถึงขนาดที่เราดูแล้วรู้สึก ว้าววววน่าทึ่งมากๆ สรุปแล้วเสมอตัว ยิ่งบทของ Tris แสดงโดย Shailene Woodley ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเห็นอกเห็นใจ ถ้าเทียบกับตัวละครคล้ายกันอย่าง แคทนิส จากเรื่อง The Hunger Games ที่มีความดราม่าสะเทือนใจอยู่ในหนังอย่างพอดี … ซึ่ง Insurgent เป็นหนังฮิตที่น่าจะทำได้ใกล้เคียง แต่กลับทำได้แค่ครึ่งๆกลางๆเท่านั้น
ส่วนโปรดักชั่น แอฟเฟค ต่างๆ ขอไม่พูดถึง เพราะทำได้มาตรฐานฮอลีวู้ด และใครที่จะไปดู 3D ผมบอกเลยว่า “ไม่จำเป็นขนาดนั้นครับ”
สรุปเลยว่า ถ้าคุณอยากดูหนังดังภาคต่อที่ทุกคนรอคอยและให้ความสนุกตื่นเต้นตลอดทั้งเรื่อง คุณควรไปดู … แต่ถ้าหวังว่า ภาคนี้จะดีกลมกล่อม ผมคิดว่า ไม่รู้สึกแบบนั้นครับ