โอ้ อายา… จากคนละฟากฟ้า ข้ามมาพบคุณ
ก็แบบว่ารัก อยากใกล้กับคุณ
อายาโซเฟีย … รักนะครับ
จุดหนึ่งที่ต้องยอมรับของโฆษณาชุดนี้ที่คนพูดถึงกัน ทำให้ย้อนกลับมาดูแล้วดูอีกจนยอดวิวทะลุ 2 ล้านไปแล้ว ก็คงเพราะความหล่อเหลาของพระเอกโฆษณา (และผมเชื่อว่าทำให้หนุ่มๆหลายคนแอบหมั่นไส้) แต่ลืมเรื่องความหล่อไปก่อน… ที่ผมจะพูดถึงคือตัวเนื้อหาสาระที่เป็นแบล๊คกราวที่ซ้อนอยู่ในเนื้อเพลงที่ร้องคลอไปกับโฆษณานั้นเอง “อายาโซเฟีย” สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ไหน สำคัญอย่างไร และทำไมคุณทั่วโลกอยากจะมาเยือนที่แห่งนี้สักครั้ง
สำหรับมหาวิหารโซเฟีย ตั้งอยู่ในเมืองอิสตันบูล (Istanbul) ประเทศตุรกี ซึ่งเมืองอิสตันบูลถือว่าเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกโหวตให้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 1 ที่ต้องมาเยือนถึง 2 ปีซ้อน (2014 และ 2015) … หน้านี้ไนท์จะขอพาทุกคนไปทำรู้จัก “อายาโซเฟีย” ให้ดีขึ้นครับ
TIP: คนไทยไปเที่ยวตุรกี ไม่ต้องทำวีซ่า อยู่ได้ 30 วัน
ไนท์รีวิวเมืองอิสตันบูลไว้ 3 ตอน อ่านได้ที่
http://www.nightphoomin.com/review-istanbul3
มหาวิหารโซเฟีย (Hagia Sophia) หรือคนท้องถิ่นเรียกที่นี้ว่า Ayasofya (อายาโซเฟีย)
โด่งดังในฐานะ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง
จุดเด่นคือ ยอดโดมที่สูงใหญ่ตกแต่งสวยงาม มีอายุกว่า 1,500 ปี
เริ่มแรกถูกสร้างเป็นโบสถ์คริสต์ ศาสนานิกายออร์ทอดอกซ์ โดยจักรวรรดิ์ไบเซนไทน์
โบสถ์ฮาเยียโซเฟียมาจากภาษากรีกหมายความว่า “โบสถ์แห่งปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์” ตรงกับภาษาอังกฤษ “Holy Wisdom” ตัวโบสถ์ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันหลังถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ในตำแหน่งเดียวกันหลังจากโบสถ์ถูกเผาทำลายจากเหตุการณ์จลาจลถึงสองครั้ง โดยระดมคนสร้างมากกว่า 10,000 คนเลยครับ แล้วหลังจากการถูกยึดครองโดยจักรวรรดิ์ออตโตมันในปีค.ศ.1453 จึงเปลี่ยนเป็นมัสยิด โดยเอาปูนขาวโบกทับภาพโมเสคเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ แล้วตกแต่งเพิ่มเติมให้มีสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลามทดแทน สุดท้ายช่วงล้มสลายของจักรวรรดิ์ออตโตมัน เปลี่ยนการปกครองเป็นสาธารณรัฐตุรกี ในปีค.ศ.1935 มหาวิหารโซเฟียถูกบูรณะขึ้นใหม่ ล้างปูนขาวที่โบกทับเอาไว้ออก แล้วกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังจนถึงทุกวันนี้
เนื่องจากมหาวิหารโซเฟียเป็นแลนด์มาร์คสำคัญในการมาเยือนเมืองอิสตันบูล แน่นอนว่าคนจะเข้าแถวรอซื้อบัตรเข้าชมแต่เช้า ราคาบัตร 30 TL แต่ไนท์ขอแนะนำว่าให้ซื้อ Museum Pass ที่ตู้อัตโนมัติเลยดีกว่า มีแบบ 3 วัน กับ 5 วัน สามารถใช้ได้กับพิพิธภัณฑ์อื่นๆได้ด้วย คุ้มค่าและประหยัด แถมยังเข้าได้สะดวกรวดเร็วครับ (ไนท์ไม่แนะนำให้ซื้อแบบ 3 วันแล้วติดวันจันทร์นะครับ เช่น ซื้อวันเสาร์จะใช้ได้ถึงวันจันทร์ แต่วันจันทร์เป็นวันหยุดพิพิธภัณฑ์ ไม่คุ้มครับ)
TIP: Museum Pass: 3 วัน 85 TL และ 5 วัน 115 TL
สามารถเข้าชมได้ดังนี้: Hagia Sophia Museum, Topkapı Palace Museum และ Harem Apartments, İstanbul Archaeological Museums, İstanbul Mosaic Museum, Museum of Turkish and İslamic Arts, Museum for the History of Science and Technology in Islam, Chora Museum, Galata Mevlevi House Museum, Yıldız Palace, Rumeli Hisar Museum, Fethiye Museum
หลังจากซื้อบัตร Museum Pass ที่ตู้อัตโนมัติเรียบร้อย เราสามารถมาเช่า Audio Guide ได้ครับ จะมีตามสถานที่เที่ยวสำคัญๆ มีหลากหลายภาพ แต่ไม่มีภาษาไทยนะครับ ถ้าเทียบนักท่องเที่ยวในแทบเอเชีย จะสังเกตเห็นว่า จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น จะมาเที่ยวกันเยอะมาก คนไทยยังถือว่าน้อย ไนท์อยู่อิสตันบูล 7 วัน เจอคนไทยแค่ 3 คนเองครับ
เราก็เดินเข้ามายังประตูทางเข้าหลักของมหาวิหารโซเฟีย แหงนหน้าขึ้นไปด้านบนประตูคือ ภาพโมเสคจักรพรรดิ์ลีโอที่ 7 ก้มลงกราบพระเยซู ด้านซ้ายเป็นพระแม่มารี (Imperial gate mosaics) ซึ่งในยุคไบเซนไทน์รุ่งเรือง ประตูนี้จักรพรรดิ์เท่านั้นที่สามารถเข้าออกได้ครับ และบริเวณประตูนี้คุณจะพบกับนิทรรศการย่อยๆที่รวบรวมเรื่องราวความเป็นมา รวมถึงศิลปะที่สำคัญๆของที่นี้ให้เราทำความเข้าใจกันก่อนครับ
พอเดินผ่านประตูเข้ามาจะเห็นโถงใหญ่ขนาดมหึมาน่าเกรงขาม มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 32 เมตร สูงถึง 56 เมตร ทำให้เราอึ้งไปพักหนึ่งเลย แหงนหน้าขึ้นไปมองรายละเอียดต่างๆเพื่อพิจารณา สมกับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกโดยแท้ บริเวณฐานทรงกลมของโดมเจาะเป็นช่องหน้าต่างโค้งจำนวน 40 ช่องแสงอาทิตย์ลอดผ่านช่องหน้าต่างให้ความสว่างแก่ห้องโถง เส้นแสงที่ตกกระทบโมเสกบนฝาผนัง บรรยายเรื่องราวความเชื่อทางศาสนา เกิดเป็นมิติภาพที่งดงาม ไนท์รู้เลยว่าเราต้องอยู่ที่นี้นานแน่ๆเลย หลายจุดน่าสนใจ โดยเฉพาะภาพโมเสคที่ยอดโดม ภาพพระแม่มารีอุ้มพระเยซู (Virgin Mother and Child) ถือว่าเป็นผลงานทางศิลปะที่สำคัญชิ้นหนึ่งของยุคไบเซนไทน์ ซึ่ง ณ จุดนี้ คุณจะเห็นนักท่องเที่ยวยืนรอถ่ายรูปกันเต็มไปหมด
มหาวิหารโซเฟียแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ทุกมุมภายในวิหารมีศิลปะโมเสคประดับตกแต่งไว้แทบทุกจุด ส่วนใหญ่เป็นภาพที่เกี่ยวกับศาสนาคริสต์ และสถาปัตยกรรมต่างๆอีกมากมาย เช่น โมเสคภาพวันพิพากษา เขียนในยุคศตวรรษที่ 12 มีพระเยซูอยู่ตรงกลางระหว่างพระแม่มารีและเซนต์จอห์น (The Deësis mosaic), หลุมศพของเฮนริคัส แดนโดโล (Henricus Dandolo) แม่ทัพจากเมืองเวนิส คุมกองทัพลาตินโจมตีเมืองอิสตันบูลในสมัยสงครามครูเสดครั้งที่ 4 แล้วเสียชีวิตระหว่างทาง ศพฝั่งอยู่ที่นี้, Weeping Pillar หรือ เสาร้องไห จะเห็นนักท่องเที่ยวต่อแถวเอานิ้วโป้งแหย่เข้าไปในรู แล้วถ้าบิดข้อมือได้ 360 องศา คุณจะสำเร็จตามคำอธิษฐาน (ลองทำกันดูนะ)