ตอนที่ 2: ตะลุย “อิสตันบูล” เมือง 2 ทวีป
ย้อนอ่านตอนที่ 1: เตรียมตัวไป “อิสตันบูล” »> www.nightphoomin.com/review-istanbul1
หลังจากไนท์เดินทางจากกรุงเทพฯ พักเปลี่ยนเครื่องที่ดูไบ รวมเวลาราวๆ 14 ชั่วโมง ไนท์ก็เดินทางมาถึงน่านฟ้าเมืองอิสตันบูลเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ซึ่งเครื่องบินบินอยู่เหนือทะเลมาร์มะรา(Sea of Marmara) ทะเลทางตอนใต้ของเมืองอิสตัสบูล โดยมีช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus) กั้นระหว่างทวีปยุโรป(ด้านบน)กับเอเชีย(ด้านล่าง)และเชื่อมกับทะเลดำ(Black Sea) นั้นเอง ส่วนช่องแคบที่แบ่งส่วนยุโรประหว่างเมืองเก่ากับเมืองใหม่เรียกว่า The Golden Horn … แสงตะวันยังสว่างดี ทำให้มองเห็นเมืองอิสตันบูลทั้งเมือง เห็นเรือเฟอร์รี่รับส่งผู้โดยสารหลายเส้นทาง ถือว่าเป็นการกระตุ้นการมาเยือนเมืองนี้ได้อย่างดี ในเวลานั้น ไนท์คิดว่า “อยากลงเครื่องไวไวแล้วซิ”
ก่อนที่คุณผู้อ่านจะแลนดิ้งสู่สนามบินพร้อมๆกับไนท์ เรามาทำความรู้จักเมืองอิสตันบูลกันก่อนดีกว่าครับ …
อิสตันบูล คือเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศตุรกี เคยเป็นเมืองหลวงก่อน แล้วในปีค.ศ.1923 ได้ย้ายไปเมือง อังการา (Ankara) สำหรับเมืองอิสตันบูลมีประชากรราว 14 ล้านคน และเป็นเมืองที่ไม่เคยหลับไหลมีประวัตศาสตร์วัฒนธรรมที่ยาวนานกว่า 2,600 ปี เป็นเมืองท่าที่สำคัญที่ผู้ทรงมหาอำนาจของโลกหลายยุคหลายสมัยต้องการครอบครอง
เรียงลำดับยุคต่างๆ ดังนี้
ยุคแรกคือ “กรีก” สร้างเมืองนี้ชื่อว่า “ไบแซนเทียม”(Byzantium) เมื่อปี 667 ก่อนคริสตกาล เจริญรุ่งเรืองกว่า 800 ปี แล้วถูกยึกครองโดยจักรวรรดิโรมัน
ยุคสองคือ “จักรวรรดิไปเซนไทน์” (Byzantine) หรือจักรวรรดิโรมันตะวันออก ซึ่งย้ายเมืองหลวงจากโรมมาอยู่ที่นี้ เมื่อปีค.ศ.330 โดยสมัยนั้นใช้ชื่อว่า “คอนสแตนติโนเปิล” (Constantinople) ในสมัยนั้นถือว่าเป็นเมืองใหญ่ที่สุดและร่ำรวยที่สุดในยุโรป และยังเป็นเมืองหลวงของศาสนาตริสต์ มีปูชนียสถานที่สำคัญอย่าง มหาวิหารโซเฟีย (Hagia Sophia) อายุกว่า 1,500 ปี ติด 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ในยุคกลาง ระหว่างที่ยุคนี้เจริญกว่า 1,000 ปี ได้ถูกรุกรานจากชาวเติร์กออตโตมัน(Ottoman) มาโดยตลอด หรือเรียกว่า “สงครามครูเสด” สุดท้ายในสงครามครูเสดครั้งที่ 4 จักรวรรดิออตโตมันก็ยึดครองเมืองคอนสแตนติโนเปิลได้สำเร็จ และได้เปลี่ยนชื่อเป็น ”อิสตันบูล” ในปีค.ศ.1453 จนถึงปัจจุบัน สิ้นสุดวัฒนธรรมกรีก-โรมันและศาสนาคริสต์เป็นระยะเวลา 1,123 ปี และศาสนาอิสลามเข้ามาแทน
ยุคที่สาม: “จักรวรรดิ์ออตโตมัน” (Ottoman) จักรวรรดิ์นี้กินพื้นที่ไปไกลถึงกรุงเวียนนาและอียิปต์ ซึ่งเป็นยุคที่เมืองอิสตันบูลรุ่งเรืองสุดขีด ทั้งวัฒนธรรมและสิ่งปลูกสร้างที่ยิ่งใหญ่อลังการ รวมถึงมัสยิดสีฟ้า (Blue Mosque) ที่สร้างเสร็จในปีค.ศ.1616 เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังจนถึงทุกวันนี้ หลังจากสุลต่าลสุไลมาน สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ.1566 ก็เข้าสู่ยุคเสื่อมของจักรวรรดิ์ออตโตมันนับราวๆ 300 ปี สาเหตุคือสุลต่านไม่มีความสามารถ ฉ้อราษฎร์บังหลวง เศรษฐกิจอ่อนแอ ผิดกับประเทศอื่นในยุโรปที่เจริญรุ่งเรือง และปีค.ศ.1923 ออตโตมันล่มสลายในที่สุด
ยุคที่สี่(ปัจจุบัน): “สาธารณรัฐตุรกี” มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก (Mustafa Kemal Atatürk) นายทหารผู้เดียวของจักรวรรดิ์ออตโตมันที่ไม่แพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และหลังจากออตโตมันพ่ายแพ้สงคราม อตาเติร์กเป็นผู้นำขบวนการแห่งชาติตุรกี ในสงครามประกาศเอกราชตุรกี เอาชนะฝ่ายไตรภาคี(อังกฤษ,ฝรั่งเศส,รัสเชีย) ซึ่งนำมาสู่การก่อตั้งประเทศและเขาได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนแรกของตุรกี เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมอิสลามให้มีความทันสมัย และเป็นประเทศประชาธิปไตยในที่สุด … ด้วยเหตุนี้คนตุรกีถึงได้รักอตาเติร์กมากๆ ไปที่ไหนก็จะเห็นอนุสาวรีย์ของท่านครับ
พอเครื่องลงจอดที่สนามบินอิสตันบูล อาตาตูร์ก อินเตอร์เนชั่นแนล( Istanbul Atatürk Airport) เรารีบตรงไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง สำหรับคนไทยยื่นพาสปอร์ตประทับเดินเข้าประเทศตุรกีได้อย่างสบายเลยครับ หลังจากได้กระเป๋าเรียบร้อย เตรียมตัวเริ่มทริปอิสตันบูลอย่างเป็นทางการครับ
เริ่มด้วยการหาที่แลกเงินตุรกี ซึ่งมีหลากหลายธนาคารให้แลก คุณควรแลกเปลี่ยนเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อเป็นค่ารถเดินทางไปที่พักครับ อีกอย่างที่ไม่ควรแลกเยอะเพราะว่า คุณจะต้องเสียค่าคอมฯ 4% เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเดินทางไปสนามบินไหนในตุรกีไม่ควรแลกเงินที่สบามบินโดยไม่จำเป็นครับ … ไนท์แลกประมาณ 30 ดอลล่าร์พอครับ เพื่อเป็นค่ารถไฟเดินทางเข้าเมือง
สำหรับการเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองอิสตันบูล มีด้วยกันหลายวิธี ทั้งรถแท๊กซี่, รถบัส, รถราง, รถไฟฟ้า แต่วิธีที่ดีที่สุดผมแนะนำรถราง-รถไฟฟ้าครับ เพราะสะดวกและไว คุณสามารถเสียเงินราคาเดียวไปไกลเท่าไหร่ก็ได้ตลอดสาย
จุดหมายที่ไนท์จะไปคือย่าน Taksin ย่านธุรกิจสำคัญและมีโรงแรมที่พักที่หลากหลาย ถ้าคุณพักแถวย่านนี้ถือว่าครบครันทุกสิ่งอย่างครับ … หลังจากเดินออกมาจากจุดแลกเงินคุณจะเห็นป้ายพาคุณไปสู่รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีแดง M1 สถานี Havalimani (แปลว่า สนามบิน) ไปลงสถานี Aksaray เพื่อต่อรถรางสายสีน้ำเงิน T1 ไปสู่สถานี Kabatas (รถไฟฟ้าใต้ดินจะไวกว่ารถราง เพราะรถรางจะขับช้าและเวลาไม่แน่นอนครับ เลยไม่แนะนำให้ต่อรถรางที่สถานี Zeytinburnu) พอเราถึงสถานี Kabatas ต่อรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีเหลือง F1 สู่สถานี Taksim
TIP: ค่าบริการรถราง-รถไฟฟ้าต่อเที่ยว ราคาเหมาจ่ายเที่ยวละ 4 TL หรือราวๆ 60 บาท วิธีการคือ หยอกเงินให้ครบก่อน เช่น มา 2 คนก็ต่อหยอด 8 TL กดปุ่มสีน้ำเงินเพื่อเลือกจำนวน และกดปุ่มสีเขียวเพื่อโอเค
แต่ถ้าคุณซื้อ Istanbulkart (ราคาบัตรประมาณ 5 TL) แล้วเติมเงินที่เครื่องอัตโนมัติ คุณจะเสียค่าเดินทางต่อเที่ยวประมาณ 1.95 TL เท่านั้น (ประหยัดมากๆ) และบัตรนี้บัตรเดียวคุณสามารถขึ้นรถราง, รถไฟฟ้า, รถบัส ได้เลยครับ สะดวกมากๆ แล้วถ้าคุณมากันหลายคน คุณใช้บัตรเดียวกันได้ แค่เอาบัตรประทับที่เครื่องผ่านเท่ากับจำนวนคนครับ ไม่เหมือนเมืองไทยที่ 1 บัตรต่อ 1 คน … แบบนี้เรียกว่าสะดวกเป็นหมู่คณะครับ
Taksim Square หรือ จตุรัสทักซิม ลานกว้างมีสวนสาธารณะใหญ่ที่สุดของเมืองอิสตันบูล เป็นที่ทั้งของอนุสาวรีย์อิสรภาพ รวมทั้งธงชาติตุรกีขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัดเจน บริเวณนี้ถือว่าเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญ คึกคักตลอด 24 ชั่วโมง มีทั้งโรงแรม, ร้านอาหารท้องถิ่น, ที่พักผ่อนหย่อนใจ และที่นี้ยังเชื่อมต่อกับถนน Istiklal ย่านช๊อปปิ้งกลางคืนที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งอีกด้วย (เดี๋ยวไนท์พาไปรีวิวเดินถนนนี้แน่นอน)
TIP: นอกจากนั้นใครอยากได้เรทแลกเงินดีๆ ย่านทักซิมเป็นคำตอบที่ดีมากๆครับ เพราะไนท์แลกที่นี้ทุกครั้งครับ อัตราอยู่ที่ 2.185 TL/$1 ครับผม (ถ้าแลกแถวๆย่านแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆจะอยู่ประมาณ 2.125 TL/$1) อีกอย่างถ้าจะแลกเงินที่ไหนต้องสังเกตคำว่า “No Commisson” ด้วยนะครับ
ข้อมูลพร้อม ร่างกายพร้อม และเงินก็พร้อม ได้เวลาเริ่มทัวร์อิสตันบูลกันแล้ว … เย้!!!วันแรกของการเริ่มเที่ยวในอิสตันบูลของไนท์นั้น เริ่มด้วยสถานที่สำคัญที่เป็นไฮไลท์ของที่นี้ อยากจะบอกว่าคนเยอะมาก เพราะเป็นวันเสาร์ ฉะนั้นใครที่มาเที่ยวที่นี้ แล้วจะเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ยอดฮิต ไนท์ขอแนะนำให้มาวันปกติ เพราะคนจะน้อยกว่าวันหยุด 1 ต่อ 3 เลยนะครับ … ไนท์นั่งแท๊กซี่มาจากโรงแรมแถวๆจตุรัสทักซิมมาลงสถานีรถราง Karakoy ที่อยู่ติดกับสะพาน Galata ที่เชื่อมระหว่างฝั่งเมืองเก่าและเมืองใหม่ เพื่อไปลงสถานนี Sultan-ahmet ซึ่งใกล้ที่ท่องเที่ยวสำคัญอย่าง มหาวิหารโซเฟียและมัสยิดสีฟ้า … ค่าแท๊กซี่ประมาณ 10 TL ราว 145 บาท หรือถ้าพักใกล้รถราง-รถไฟฟ้า ก็เดินทางมาสะดวกครับ (เนื่องจากเป็นวันแรก อยากจะลองขึ้นรถแท๊กซี่ดูบ้างจะเป็นยังไง)
จากภาพจะเห็นสะพาน Galata อยู่ขวามือ ส่วนตึกที่สูงที่สุดคือ Galata Tower
TIP: ค่าแท๊กซี่ในเมืองอิสตันบูลแพงกว่าเมืองไทยประมาณ 2 เท่า เพราะค่าน้ำมันที่นี้ ราคาลิตรละ 70 บาทเชียวนะครับ ระยะทางไม่ไกลมากอย่าง Taksim Square มาที่ย่าน Karakoy ถ้าเป็นเมืองไทยก็ราวๆ 60 บาทเท่านั้นเอง แต่ไนท์จ่ายราวๆ 145 บาท
คำเตือน!!! การใช้บริการแท๊กซี่ของที่นี้ คุณต้องรู้จักพื้นที่ดีพอสมควร รู้ว่าจะไปไหนแน่นอน เพราะคุณอาจจะเจอแท๊กซี่หัวหมอพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ฟังไม่เข้าใจ แล้วพาคุณขับวนเล่นๆสักรอบสองรอบปั่นมิเตอร์ก็เป็นได้ กว่าจะรู้ตัวก็ปาไปหลายร้อยบาทแล้วครับ … ดูแผนที่ให้ชัวร์ บอกแท็กซี่ให้แม่นๆด้วยนะครับ (ถ้าสื่อสารกันไม่เข้าใจ ไนท์ใช้แอพ Google Translate ช่วยได้มากเลย)
เมื่อเดินทางถึงสถานีรถราง Sultan-ahmet คุณจะได้เห็นความยิ่งใหญ่และสวยงามของ มหาวิหารโซเฟียและมัสยิดสีฟ้า ที่อยู่ตรงข้ามกันโดยมีจตุรัสสุลต่านอาห์เหม็ดกั้นครับ จตุรัสนี้ถือว่าเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว คนเยอะทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นสถานที่ที่ทำให้คุณถ่ายรูปได้อย่างสนุกสนานครับ ไนท์แนะนำให้คุณมาถึงตรงนี้ประมาณ 8 โมงเช้า ถ่ายรูปกันนิดหน่อยก็ไปต่อกันที่ “ฮิปโปโดรม” (Hippodrome)
เป็นลานกว้างที่อยู่หน้าทางเข้าหลักของมัสยิดสีฟ้า สำหรับฮิปโปโดรมเป็นสนามแข่งม้าเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกรีกโรมัน ประมาณปีค.ศ.203 จุคนดูได้มากถึง 100,000 คน!!! ปัจจุบันเหลือเพียงเสา 3 ต้นเท่านั้น คือ เสาที่สร้างในอียิปต์ สร้างราว 390 ปีก่อนคริสตกาล เพื่อถวายแก่พาโรห์ตุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูล เสาต้นที่สองคือ เสางู สร้างเมือง 479 ปีก่อนคริสตกาล ลักษณะเป็นงู 3 ตัวพันกัน ซึ่งส่วนหัวได้เก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์อิสตันบูลและพิพิธภัณฑ์ที่กรุงลอนดอน) และเสาต้นที่สามคือ เสาคอนสแตนตินที่ 7
TIP: บริเวณนี้เป็นลานกว้างนักท่องเที่ยวเยอะมากครับ และผมแนะนำให้คุณระวังมิจฉาชีพที่อาจจะมารีดไถ่เงินคุณในครอบคนขัดรองเท้า ผมโดนมาแล้ว เข้ามาถามว่า “มาจากที่ไหน?” พอเราคุยด้วย เขาจะบอกว่า “ขอขัดรองเท้าให้ฟรี” แล้วก็จู่โจมลงมาขัดเลย สุดท้ายเขาขอเงินเราเป็นแบงค์!!! ซึ่งเราให้ไป 2 TL (เหรียญ) ซึ่งเขาก็ดูไม่พอใจ จะขอเป็นแบงค์เท่านั้น ซึ่งแบงค์ที่ไนท์มีก็ 10 TL แปลว่า 145 บาทเชียวนะครับคุณ ใช้เวลาคิดอยู่ประมาณ 5 วินาที ไนท์ก็ตอบไปว่า “ฉันมีแค่นี้ เพราะว่ายังไม่ได้แลกเงิน จะเอาไหม?” สรุปว่าแยกย้ายกันโดยดีครับ เสียค่าโง่ไป 30 บาท เห้อ… ถือว่าเป็นประสบการณ์ละกัน
ถ่ายรูปฮิปโปโดรมสมใจแล้ว คุณจะเห็นประตูทางเข้าหลักของมัสยิดสีฟ้า (Blue Mosque) หรือชื่อเป็นทางการว่า มัสยิดสุลต่านอาห์เหม็ต (Sultanahmet Mosque) ถ้าคุณคุยกับคนท้องถิ่น เขาจะไม่รู้จัก Blue Mosque นะครับ ต้องเรียก Sultanahmet จะเป็นที่รู้จักมากกว่าครับ … สำหรับที่นี้ เข้าชมได้เร็วและปิดช้ากว่าที่อื่นๆ 8.30-19.00น. ที่สำคัญเข้ามาเยี่ยมชมที่นี้ฟรีครับ แต่ถ้าคุณเป็นคนนับถือศาสนาอิสลาม คุณสามารถเข้ามาทำละหมาดได้ 24 ชั่วโมง
สุลต่านอาห์เหม็ดที่ 1 มีพระประสงค์ที่จะสร้างมัสยิดของจักรวรรดิออตโตมันให้มีความงดงามและยิ่งใหญ่แบบมหาวิหารเซนต์โซเฟียที่สร้างในยุคจักรวรรดิไบแซนไทน์ และยังสร้างในพื้นที่ที่ใกล้กันด้วยครับ เหตุที่ทำให้มัสยิดเห็นนี้เป็นสีฟ้าหรือสีน้ำเงินนั้น มาจากการตกแต่งกระเบื้องเคลือบอิสนิค (Iznik Tile) และยังเป็นมัสยิดแห่งเดียวของฮิสตันบูลที่มี 6 หอคอยครับ ด้วยสถาปัตยกรรมทำให้ที่นี้เป็นศาสนสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก เป็นฉากหลังให้กับภาพยนตร์ฮอลีวู้ดดังๆหลายเรื่อง อย่าง James Bond: From Russia with Love, Taken 2, Skyfall
อย่างที่ไนท์บอก ถ้าคุณมาวันหยุดเสาร์อาทิตย์ คุณจะต้องต่อแถวรอเข้าชมด้านในนานมาก เพราะนักท่องเที่ยวมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ตลอดทั้งวันครับ แต่ถ้ามาวันธรรมดาคนจะเบาบางหน่อย ไม่ต้องรอนาน
ก่อนเข้าไปภายในเราต้องนำรองเท้าใส่ถุงและถือติดตัวไป ซึ่งเป็นแบบนี้เกือบทุกมัสยิด นอกจากมัสยิดไหนไม่ได้ฮอตฮิตก็แค่เอาไปวางที่ชั้นวางรองเท้าก็พอครับ เมื่อเข้ามาด้านในแล้ว จะเห็นความยิ่งใหญ่ตระการตาของหลังคาซ้อนกัน 8 ชั้น ตกแต่งด้วยกระเบื้องอิสนิคสีสันสวยงามทั้งภาพดอกไม้และผลไม้ ใช้กระเบื้องตกแต่งหลายหมื่นแผ่นเชียวนะครับ
ชื่นชมความสวยงามทั้งด้านนอกและด้านในของมัสยิดสีฟ้าไปแล้ว เดินออกมาจากประตูด้านข้างเดินผ่านจตุรัสสุลต่านอาห์เหม็ดก็ถึงมหาวิหารโซเฟีย (Hagia Sophia) หรือคนท้องถิ่นเรียกที่นี้ว่า Ayasofya (อะยาโซเฟีย) โด่งดังในฐานะ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง จุดเด่นคือ ยอดโดมที่สูงใหญ่ตกแต่งสวยงาม มีอายุกว่า 1,500 ปี เริ่มแรกถูกสร้างเป็นโบสถ์คริสต์ ศาสนานิกายออร์ทอดอกซ์
โดยจักรวรรดิ์ไบเซนไทน์ โบสถ์ฮาเยียโซเฟียมาจากภาษากรีกหมายความว่า “โบสถ์แห่งปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์” ตรงกับภาษาอังกฤษ “Holy Wisdom” ตัวโบสถ์ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันหลังถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ในตำแหน่งเดียวกันหลังจากโบสถ์ถูกเผาทำลายจากเหตุการณ์จลาจลถึงสองครั้ง โดยระดมคนสร้างมากกว่า 10,000 คนเลยครับ
แล้วหลังจากการถูกยึดครองโดยจักรวรรดิ์ออตโตมันในปีค.ศ.1453 จึงเปลี่ยนเป็นมัสยิด โดยเอาปูนขาวโบกทับภาพโมเสคเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ แล้วตกแต่งเพิ่มเติมให้มีสัญลักษณ์ของศาสนาอิสลามทดแทน สุดท้ายช่วงล้มสลายของจักรวรรดิ์ออตโตมัน เปลี่ยนการปกครองเป็นสาธารณรัฐตุรกี ในปีค.ศ.1935 มหาวิหารโซเฟียถูกบูรณะขึ้นใหม่ ล้างปูนขาวที่โบกทับเอาไว้ออก แล้วกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังจนถึงทุกวันนี้
เนื่องจากมหาวิหารโซเฟียเป็นแลนด์มาร์คสำคัญในการมาเยือนเมืองอิสตันบูล แน่นอนว่าคนจะเข้าแถวรอซื้อบัตรเข้าชมแต่เช้า ราคาบัตร 30 TL แต่ไนท์ขอแนะนำว่าให้ซื้อ Museum Pass ที่ตู้อัตโนมัติเลยดีกว่า มีแบบ 3 วัน กับ 5 วัน สามารถใช้ได้กับพิพิธภัณฑ์อื่นๆได้ด้วย คุ้มค่าและประหยัด แถมยังเข้าได้สะดวกรวดเร็วครับ (ไนท์ไม่แนะนำให้ซื้อแบบ 3 วันแล้วติดวันจันทร์นะครับ เช่น ซื้อวันเสาร์จะใช้ได้ถึงวันจันทร์ แต่วันจันทร์เป็นวันหยุดพิพิธภัณฑ์ ไม่คุ้มครับ)
TIP: Museum Pass: 3 วัน 85 TL และ 5 วัน 115 TL
สามารถเข้าชมได้ดังนี้: Hagia Sophia Museum, Topkapı Palace Museum และ Harem Apartments, İstanbul Archaeological Museums, İstanbul Mosaic Museum, Museum of Turkish and İslamic Arts, Museum for the History of Science and Technology in Islam, Chora Museum, Galata Mevlevi House Museum, Yıldız Palace, Rumeli Hisar Museum, Fethiye Museum
หลังจากซื้อบัตร Museum Pass ที่ตู้อัตโนมัติเรียบร้อย เราสามารถมาเช่า Audio Guide ได้ครับ จะมีตามสถานที่เที่ยวสำคัญๆ มีหลากหลายภาพ แต่ไม่มีภาษาไทยนะครับ ถ้าเทียบนักท่องเที่ยวในแทบเอเชีย จะสังเกตเห็นว่า จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น จะมาเที่ยวกันเยอะมาก คนไทยยังถือว่าน้อย ไนท์อยู่อิสตันบูล 7 วัน เจอคนไทยแค่ 3 คนเองครับ
เราก็เดินเข้ามายังประตูทางเข้าหลักของมหาวิหารโซเฟีย แหงนหน้าขึ้นไปด้านบนประตูคือ ภาพโมเสคจักรพรรดิ์ลีโอที่ 7 ก้มลงกราบพระเยซู ด้านซ้ายเป็นพระแม่มารี (Imperial gate mosaics) ซึ่งในยุคไบเซนไทน์รุ่งเรือง ประตูนี้จักรพรรดิ์เท่านั้นที่สามารถเข้าออกได้ครับ และบริเวณประตูนี้คุณจะพบกับนิทรรศการย่อยๆที่รวบรวมเรื่องราวความเป็นมา รวมถึงศิลปะที่สำคัญๆของที่นี้ให้เราทำความเข้าใจกันก่อนครับ
พอเดินผ่านประตูเข้ามาจะเห็นโถงใหญ่ขนาดมหึมาน่าเกรงขาม มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 32 เมตร สูงถึง 56 เมตร ทำให้เราอึ้งไปพักหนึ่งเลย แหงนหน้าขึ้นไปมองรายละเอียดต่างๆเพื่อพิจารณา สมกับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกโดยแท้ บริเวณฐานทรงกลมของโดมเจาะเป็นช่องหน้าต่างโค้งจำนวน 40 ช่องแสงอาทิตย์ลอดผ่านช่องหน้าต่างให้ความสว่างแก่ห้องโถง เส้นแสงที่ตกกระทบโมเสกบนฝาผนัง บรรยายเรื่องราวความเชื่อทางศาสนา เกิดเป็นมิติภาพที่งดงาม ไนท์รู้เลยว่าเราต้องอยู่ที่นี้นานแน่ๆเลย หลายจุดน่าสนใจ โดยเฉพาะภาพโมเสคที่ยอดโดม ภาพพระแม่มารีอุ้มพระเยซู (Virgin Mother and Child) ถือว่าเป็นผลงานทางศิลปะที่สำคัญชิ้นหนึ่งของยุคไบเซนไทน์ ซึ่ง ณ จุดนี้ คุณจะเห็นนักท่องเที่ยวยืนรอถ่ายรูปกันเต็มไปหมด
มหาวิหารโซเฟียแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ทุกมุมภายในวิหารมีศิลปะโมเสคประดับตกแต่งไว้แทบทุกจุด ส่วนใหญ่เป็นภาพที่เกี่ยวกับศาสนาคริสต์ และสถาปัตยกรรมต่างๆอีกมากมาย เช่น โมเสคภาพวันพิพากษา เขียนในยุคศตวรรษที่ 12 มีพระเยซูอยู่ตรงกลางระหว่างพระแม่มารีและเซนต์จอห์น (The Deësis mosaic), หลุมศพของเฮนริคัส แดนโดโล (Henricus Dandolo) แม่ทัพจากเมืองเวนิส คุมกองทัพลาตินโจมตีเมืองอิสตันบูลในสมัยสงครามครูเสดครั้งที่ 4 แล้วเสียชีวิตระหว่างทาง ศพฝั่งอยู่ที่นี้, Weeping Pillar หรือ เสาร้องไห จะเห็นนักท่องเที่ยวต่อแถวเอานิ้วโป้งแหย่เข้าไปในรู แล้วถ้าบิดข้อมือได้ 360 องศา คุณจะสำเร็จตามคำอธิษฐาน (ลองทำกันดูนะ)
ไนท์ใช้เวลาอยู่ในมหาวิหารโซเฟียเกือบ 3 ชั่วโมง ด้วยโมเสคสีทองสะท้อนกับแสงที่มาจากหน้าต่างโดยรอบวิหารที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก รู้สึกถึงเสน่ห์มนต์คลังในแบบโบรถ์คริสต์และผสมผสานวัฒนธรรมอิสลามได้อย่างลงตัว ไนท์คิดว่า ลองอ่านภูมิหลังประวัติศาสตร์ก่อนที่คุณจะมาท่องเที่ยวที่นี้ จะทำให้คุณซึมซับอดีตและทำให้การท่องเที่ยวของคุณเพลิดเพลินมากยิ่งขึ้นครับ
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของเมืองอิสตันบูล ยังไม่หมดเพียงแค่นี้นะครับ ในโซน The Old Town ยังมีสถานที่สำคัญๆอีกหลายแห่ง เช่น ห้องเก็บน้ำใต้ดินสไตล์โรมัน (Basilica Cistern), พระราชวังทอปคาปิ (Topkapi Palace), พิพิธภัณฑ์โบราณคดีอิสตันบูล (Istanbul Archeological Museum) แต่ละที่รับรองว่ายิ่งใหญ่อลังการจนคุณต้องตะลึงครับ ติดตามต่อ ตามไนท์เที่ยว “อิสตันบูล” ตอน 3 นะครับ
สำหรับ ตอนที่ 1: เตรียมตัวไป “อิสตันบูล” »> http://goo.gl/7ZNXAU
ติดตามไนท์ได้ทางช่องทางเหล่านี้ครับ:
Website: http://www.nightphoomin.com
Twitter: http://www.twitter.com/NightPhoomin
Facebook: http://www.facebook.com/NightPhoominOfficial
Instagram: http://www.instagram.com/NightPhoomin
Google+: http://www.gplus.to/nightphoomin