ขออุทิศบทความนี้ให้เป็นธรรมทานเพื่อประโยชน์แก่ผู้ที่ได้อ่านและมีความตั้งใจทำบุญ จนถึงการหลุดพ้นเข้าสู่นิพพานในที่สุด… อนุโมทนาสาธุ
ถ้าพูดกันถึงเรื่องการทำบุญ จะทำอะไรก็ถือว่าดีทั้งนั้น ขอให้ท่านได้เริ่มทำ ไม่ว่าจะเป็นการ ‘ให้ทาน’ ก็ถือว่าเป็นการละความโลภแล้ว หรือแม้แต่การ ‘รักษาศีล’ ทำให้มีจิตที่บริสุทธิ์ การงานดี และยังมีสมาธิปัญญาดีอีกด้วย … แต่เราจะพูดถึงการทำบุญอย่างไร ให้มีอานิสงค์แรง หรือได้ผลบุญที่มีกำลังดี คงไม่ใช่แค่ทำบุญกันแบบทั่วๆไปแน่นอน เพราะการทำบุญเป็นเรื่องของกำลังใจและเป็นพื้นฐานของการมีสติสมาธิ … ซึ่งบทความนี้ผมรวบรวมจากการอ่านหนังสือธรรมะ ฟังเทศน์จากคำสอนหลวงปู่หลวงพ่อ นำมาเล่าให้เข้าใจกันง่ายๆครับ
กรวดน้ำดีอย่างไร?
การกรวดน้ำจริงๆแล้วเป็นวิธีของพราหมณ์ โดยศาสนาพุทธนำมาเป็นกุศโลบายให้ผู้ที่ทำบุญได้มีสมาธิในการแผ่เมตตาหรืออุทิศส่วนบุญให้แก่เจ้ากรรมนายเวรหรือผู้ที่เราอุทิศ เพราะการที่เรามองน้ำที่ไหลลงมาถือว่าจิตเป็นสมาธิในช่วงขณะนั้น … แต่ถ้าพูดกันตามตรง แต่เราทำบุญแล้วจิตเป็นสมาธินึกถึงผู้ที่เราอุทิศส่วนบุญให้ บุญก็ไปถึงแล้ว ไม่ต้องกรวดน้ำก็ได้
ทำบุญทุกครั้งต้องมีสติและควรหวังผลตอบแทน
เคยสงสัยไหมทำไมบางคนรวยแต่โง่ เพราะเขาอาจจะเคยทำบุญแต่ไม่อธิษฐาน ทำบุญแบบไม่มีสติ หรือไม่หวังผลตอบแทน … การทำบุญแบบมีสตินั้นหรือหวังผลตอบแทนนั้น ถือว่าเป็นอธิษฐานบารมีอย่างนึง (หนึ่งในบารมี 10) จะทำให้เราไม่หลงทาง แน่วแน่อยู่ในคำอธิษฐาน เช่น ขอให้ผลบุญส่งผลให้เกิดในพุทธศาสนาเข้าถึงพระนิพพาน เป็นต้น … ถ้าทำบุญแบบไม่หวังผลหรือขาดสติจึงให้ผลต่างกันแน่นอน
ทำบุญแล้ว ขอให้รวย … จะถือว่าเป็นความโลภไหม?
การปฏิบัติธรรมหรือเจริญพระกรรมฐาน เป็นเรื่องของกำลังใจเป็นสำคัญ ยิ่งมีห่วงน้อยย่อมปฏบัติได้ดี สมมติว่า บ้านไหนทำงานสุจริต ค้าขายดี ร่ำรวย คนในบ้านมีความสุขตามอัตภาพ แน่นอนว่า คนบ้านนี้ย่อมปฏิบัติธรรมได้ดี เห็นผลได้ไว เพราะสติมีห่วงเรื่องทางโลกน้อย ปัญญาย่อมเกิดง่าย แต่ถ้าเป็นคนที่หาเช้ากินค่ำ ชักหน้าไม่ถึงหลัง มีภาระเยอะแยะมากมาย คนประเภทนี้จะมีห่วงเยอะ จะปฏิบัติธรรมเพื่อหลุดพ้นย่อมยากกว่า
ฉะนั้นการทำบุญแล้วหวังรวยถือว่าโลภไหม ต้องตอบว่า ถ้าตั้งอยู่ในสัมมาสุจริต ทำการงานโดยชอบ ไม่เบียดเบียนใคร ไม่ทำในสิ่งชั่ว เมื่อจิตคิดดีการกระทำดี ถ้ารวยด้วยจิตแบบนี้ ย่อมไม่ถือว่าเป็นความโลภ
ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย … ไม่จริงเสมอไป
ถึงแม้ว่าคุณจะทำมากเท่าไหร่ก็ตาม ถ้าทำกับคนที่ไร้ศีลธรรม ย่อมให้ผลน้อยกว่าทำบุญกับผู้มีศีลธรรม … ตัวอย่างเช่น การได้ทำบุญกับพระอริยสงฆ์กับพระสงฆ์ทั่วไป อานิสงค์ก็ต่างกันแล้ว เพราะอะไร? เพราะว่ายิ่งผู้ที่มีจิตบริสุทธิ์ย่อมอุทิศผลบุญหรือแผ่เมตตาได้แรงกว่า แม้แต่เนื้อสัตว์ที่ท่านฉันไปทุกมื้อ ถือว่าอุทิศร่างกายนี้ให้เป็นอาหารแก่ผู้มีศีลธรรม … และการทำบุญต้องพิจารณากำลังของเราเป็นสำคัญด้วย ไม่ใช่มี 10 ทำ 10 แบบนี้ถือว่าไม่ใช้สติ ไม่มีปัญญา
เรื่องเล่า หลวงปู่มั่นกับหมูป่า
วันหนึ่งมีนายพรานนำหมูป่ามาให้แม่ชีเพื่อนำไปทำอาหารถวายหลวงปู่มั่น โดยนายพรานได้เล่าให้แม่ชีฟังว่า หมูป่าตัวนี้ได้มาเข้าฝัน แล้วบอกให้นำมันถวายวัดนี้ เพื่อให้ร่างกายของมันได้อุทิศเป็นพุทธบูชาและได้อานิสงค์ผลบุญมาก
อยากถูกหวยและมีลาภลอย
จากคำเทศน์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านกล่าวว่า ผู้ที่มักจะถูกหวยหรือมีลาภลอย เป็นผู้ที่ทำบุญแบบปุ๊บปั๊บทำ เช่น มีคนชวนทำบุญแบบไม่ตั้งใจไม่ได้เตรียมการมาก่อน ก็ร่วมทำกับเขา หรืออยู่ดีๆจะทำก็ได้ แบบนี้อานิสงค์จึงได้มาแบบปุ๊บปั๊บ ซึ่งไม่เหมือนกับผู้ที่ทำบุญแบบตั้งใจหรือมีการเตรียมการ อานิสงค์จะได้มาจากการงานเจริญรุ่งเรื่อง
กินมังสวิรัต ได้บุญแค่ไหน
คนประเภทนี้ย่อมเป็นผู้ที่มีเมตตาสูงหรือปฏิบัติเมตตาบารมี แต่การไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่ได้ทำให้คนไปนิพพานหรือหลุดพ้น เพราะยังต้องประกอบด้วยศีล, สมาธิ, ปัญญา รวมถึงการพิจารณาร่างกาย เข้าถึงวิปัสนาญานอีก ฉะนั้นการละเนื้อสัตว์ แล้วมั่นแผ่เมตตา ถือว่าเป็นกำลังใจอย่างหนึ่ง
เรื่องเล่า หลวงปู่แหวนกับโยม(โสดาบัน)
มีโยมคนนึงได้พูดกับหลวงปู่แหวนว่า “ฉันเป็นโสดาบันแล้ว เพราะฉันไม่กินเนื้อสัตว์” หลวงปู่แหวนตอบไปสั้นๆว่า “ฉันเห็นวัวควายกินหญ้า ไม่เป็นจะไปนิพพานเลย”
เพื่อนฝูงบริวารลูกน้องแย่ ให้ตั้งกองผ้าป่า
เคยเป็นกันไหมครับ อะไรก็ดีหมด ยกเว้น เพื่อน, ลูกน้อง หรือเรียกง่ายๆว่าบริวาร ที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ทำทุกอย่างแทบตาย สุดท้ายมาตกม้าตายที่คนอื่น … ฉะนั้นก็แก้ที่บริวาร การตั้งกองผ้าป่าทำบุญอะไรสักอย่าง แล้วเชิญชวนผู้อื่นมาร่วมบุญด้วย ถือว่าเป็นการส่งเสริมกัน ได้ชักชวนผู้อื่นมาทำบุญ มั่นมำเป็นประจำ บริวารจะดีขึ้นแน่นอน
การทำบุญให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ
ผู้ที่เป็นเลือดเนื้อสายตรง ย่อมส่งผลบุญถึงกันได้ดีที่สุด … เคยได้ยินไหมว่า พ่อแม่เกาะชายผ้าเหลืองลูกขึ้นสวรรค์ ประโยคนี้ไม่ใช่แค่ผลบุญตอนบวชลูก แต่สำคัญตอนจิตก่อนตาย ถ้าจิตคิดถึงหรือนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ได้ทำบุญบวชลูก ดวงวิญญาณขณะตายย่อมไปสู่สวรรค์ตามกำลังบุญที่ทำไหว
หรือแม้แต่ดวงวิญญาณที่ตกนรก เมื่อญาติทำบุญไปให้ ดวงวิญญาณมีโอกาสคิดถึงบุญที่เคยทำ คิดถึงสิ่งดีๆตอนเป็นมนุษย์ ซึ่งทำให้หลุดพ้นจากนรกภูมิเร็วขึ้นนั้นเอง
อย่าบนวันพระ เทพเทวดาไม่อยู่
ตามคำของหลวงปู่หลวงพ่อเล่ามาว่า วันพระเทพเทวดาจะไปชุมนุมฟังเทศน์กันที่สวรรค์ชั้นดาวดึงค์ จะบนบานอะไรวันพระ ท่านก็ไม่รู้เรื่อง ไม่ค่อยได้ผล … ใครกำลังจะบนบานศาลกล่าวอะไร เลี่ยงๆวันพระหน่อยก็ดีครับ
ถือศีล 5 ก็โสดาบันได้
โสดาบัน คือผู้ที่ละสังโยชน์ 3 ได้ (สังโยชน์มีทั้งหมด 10 ข้อ) 1. ไม่ยึดติดในร่างกาย 2. ไม่ลังเลสงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 3. ศีล 5 บริสุทธิ์ … จริงๆแล้ว โสดาบัน ยังมีความโกรธอยู่แต่น้อย ยังมีความใคร่คือ มีสามีภรรยาอยู่ เป็นต้น ฉะนั้นยังเป็นผู้ที่ข้องเกี่ยวทางโลกอยู่ ซึ่งหลายคนเข้าใจผิดว่า ต้องบวช ต้องเรียบร้อย ต้องละทางโลกแล้ว เป็นต้น
ผู้ที่สวดมนต์รักษาศีล เป็นที่รักของเทวดา
การสวดมนต์เจริญภาวนาถือว่าเป็นการทำบุญที่ไม่ต้องลงทุนทางทรัพย์สิน แต่ลงทุนทางกาย เอาร่างกายของเราเป็นพุทธบูชา เป็นวิริยะบารมี การสวดมนต์ควรสวดมนต์ออกเสียงดังๆ เพราะเทวดาหรือเจ้าที่เจ้าทาง(ถ้ามีอยู่สิ่งนะ) ท่านจะได้ยินและได้ฟังไปด้วย เพราะมนุษย์เป็นผู้ที่สามารถทำบุญและปฏิบัติได้ แต่วิญญาณในลักษณะต่างๆทำไม่ได้ ทำได้เพียงแค่ฟังและอนุโมทนาเท่านั้น ฉะนั้นผู้ที่ทั่นสวดมนต์รักษาศีล ย่อมเป็นที่รักแก่เทวดา ไปไหนจะโชคดี แคล้วคลาดจากอันตราย
ไม่นิพพานชาตินี้ ก็ขอให้นิพพานในพุทธกาลนี้
จากพุทธทำนายบอกไว้ว่า พุทธศาสนาพุทธกาลนี้จะอยู่ได้เพียง 5,000 ปีเท่านั้น ยิ่งปีมากๆย่อมมีพระอรหันต์น้อยลง เมื่อพระอรหันต์น้อยลงก็ไม่มีผู้ที่สามารถสอนให้คนเข้าใจนิพพานได้ ซึ่งสำคัญมากๆว่า คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ชาติหน้าคุณจะไม่เกิดมาในยุคที่นับถือป่า นับถือผี ศาสนายังไม่เกิด ดวงวิญญาณก็มีสิทธิ์หลงทาง ไปอบายภูมิ อยู่ในวัฏสงสารเวียนว่ายตายเกิดไปจบสิ้น
ไม่ยึดติดร่างกาย ก็นิพพานได้
ฉะนั้นหลักของพระพุทธศาสนาแน่นย้ำให้ระลึกถึงความตายเสมอ อย่าประมาท และไม่ให้ยึดติดกับร่างกายนี้ คำว่า นิพพาน ดูเหมือนเป็นเรื่องห่างไกล แต่แค่ให้ปัญญาพิจารณาร่างกายนี้ ว่าเราเกิดมาทำไม เรารักษามันไม่ได้ มันก็ป่วย มันก็เจ็บไปตามสภาพ เรากลับมาเกิดก็ต้องครองร่างกายแบบนี้ ถ้ามั่นฝึกจิตแบบนี้ แม้แต่ตอนขณะสิ้นลมหายใจ ดวงวิญญาณก็มีโอกาสไปนิพพานได้ ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก (คำเทศน์จากหลวงปู่หลวงพ่อสายวิปัสนา)
“สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย.
ความสั่งสมซึ่งบุญ นำสุขมาให้. “
ติดตามเพจผมได้ที่
https://www.facebook.com/NightPhoominOfficial
Instagram: @nightphoomin
Twitter: @nightphoomin