วัดทีปมุตตมาราม ณ โคลอมโบ คือวัดในศรีลังกาที่อยู่ในพระอุปถัมภ์จากพระบรมวงศานุวงศ์มายาวนานกว่า 100 ปี สู่ 66 ปี ต้นไม้ที่พ่อปลูก…ยังงดงามจารึกไว้ว่า ครั้งหนึ่งพระองค์เคยเสด็จฯมาเยือนสถานที่แห่งนี้
ก่อนที่ผมจะพาทุกท่านไปชมต้นไม้ของพ่อกันแบบเต็มๆ ผมขอเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง สยาม กับ ศรีลังกา อย่างละเอียด(พอประมาณ)กันซะก่อน จะได้สร้างความเข้าใจว่า “ทำไม 2 ประเทศนี้ถึงผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น”
ย้อนกลับไป 800 ปีก่อน แผ่นดินไทยประกอบไปด้วยหลายอาณาจักร รวมถึงอาณาจักรนครศรีธรรมโศกราช นำโดย “พระเจ้าจันทรภาณุ” (ครองราชย์ พ.ศ.1790-1813) ได้ปลดแอกประกาศอิสรภาพจากอาณาจักรศรีวิชัยที่เริ่มอ่อนแอ สมัยนั้นพระองค์ทรงประกาศแสนยานุภาพ ส่งกองทัพไปตีเกาะลังกา(ศรีลังกาในปัจจุบัน) และยึดทางตอนเหนือไว้ได้ถึง 2 ครั้ง
เมื่อครั้งพระองค์ส่งฑูตขออัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐ์ที่วัดพระมหาธาตุ นครศรีธรรมราช ท่านได้ขออาราธนาพระภิกษุเพื่อมาเผยแพร่ศาสนาพุทธ ทำให้เกิด “พุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์” จนเป็นที่มาของการบูรณะเจดีย์มหาธาตุ จากศิลปะศรีวิชัย ให้สร้างเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ หรือ โอคว่ำ ครอบทับเจดีย์เดิม ตามแบบสถาปัตยกรรมทรงลังกา
จนในปีพ.ศ. 1820 พ่อขุนรามคำแพง กษัตริย์แห่งอาณาจักรสุโขทัย ได้อาราธนาพระมหาเถรสังฆราชเมืองนครศรีธรรมราช เดินทางมาจำวัดที่วัดอรัญญิก สุโขทัย ยิ่งทำให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในแผ่นดินสยามนับจากนั้นเรื่อยมา
400 ปีต่อมา ศาสนาพุทธได้เสื่อมลงในแผ่นดินศรีลังกา เพราะการรุกรานจากชาติตะวันตกที่นำศาสนาคริสต์มาเผยแพร่ รวมถึงชาวทมิฬที่เข้ามาคุกคาม ย่ำแย่ถึงขนาดที่ไม่มีพระสงฆ์ที่สามารถเป็นพระอุปัชฌาย์ได้เลย ทำให้ “พระกีรติศรีราชสิงหะ” กษัตริย์ศรีลังกาสมัยนั้น ส่งคณะฑูตมายังกรุงศรีอยุธยา เพื่อขอสมณฑูตจากสยามไปช่วยฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในศรีลังกา
ราว 2 ปีต่อมา พ.ศ. 2295 พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ทรงรับสั่งให้จัดคณะพระธรรมฑูตชุดแรก นำโดย “พระอุบาลีมหาเถระ” จากวัดธรรมาราม กรุงศรีอยุธยา ผู้เชี่ยวชาญพระไตรปิฏกทั้งปริยัติและปฏิบัติ ตำแหน่งท่านถือว่าเทียบเท่านายกรัฐมนตรีฝ่ายสงฆ์ก็ว่าได้ คณะธรรมฑูตสยามเดินทางโดยเรือชาวฮอลันดาถึง 5 เดือน เมื่อถึงศรีลังกา ภายระยะเวลา 3 ปี ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ อุปสมบทให้พระ 700 รูป และสามเณร 2,300 รูป ทำให้พุทธศาสนาในศรีลังกายืนยาวมาจนถึงปัจจุบัน และให้เกียรติยกย่องว่า “นิกายสยามวงศ์” ซึ่งเป็นนิกายใหญ่ที่สุด
ช่วงปีพ.ศ. 2298 พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ได้ส่งคณะธรรมฑูตชุดที่ 2 เผื่อผลัดเปลี่ยนกับชุดแรก นำโดย พระวิสุทธาจารย์ และ พระวรญาณมุนี เมื่อเดินทางถึงเมืองท่าตรินโคมาลีแห่งลังกาทวีป ได้ทราบว่าพระอุบาลีถึงแก่มรณภาพเสียแล้วภายในกุฏิวัดบุปผาราม (วัดมัลวัตเต) เมืองแคนดี้ โดยปัจจุบันยังมีรูปหล่อพระอุบาลีตั้งอยู่ที่วัดแห่งนี้ เพื่อให้คนกราบไหว้ และเป็นเกียรติต้องความดีของท่านที่มีอิทธิพลทำให้พุทธศาสนางอกงามในศรีลังกากว่า 200 ปีจนถึงปัจจุบัน
.
ที่มาของวัดทีปทุตตมาราม สำคัญกับราชวงศ์จักรีและคนไทยอย่างไร
พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ ทรงเป็นองค์สุดท้องในจำนวนโอรสธิดาทั้ง 6 ของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมสาย กรมขุนราชสีหวิกรม (ต้นราชสกุลชุมสาย ณ อยุธยา)และหม่อมน้อย (บุตรีพระยาราชมนตรี (ภู่) ต้นตระกูลภมรมนตรี) เมื่อครั้งพระชนนม์ 45 พรรษา ได้ลาสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯและเจ้านายผู้ใหญ่ ออกผนวชในวันที่ 1 พ.ย. 2439 ที่วัดศรีสุพุทธิมหาวิหาร เมืองวาสกาดูว่า ประเทศศรีลังกา โดย Ven. Rajguru Sri Subhuti Nayaka เจ้าอาวาส ได้ชื่อว่า “พระชินวรวงศ์” ก่อนหน้าที่ท่านบวช ท่านถวายงานรับใช้สมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯด้านการฑูตและการติดต่อกับต่างชาติเป็นอย่างดี เพราะเคยศึกษาที่อังกฤษ แล้วยังเชี่ยวชาญเรื่องวิศวกรรมอีกด้วย แต่ด้วยเหตุที่ประพฤติไม่พอพระราชหฤทัย รวมถึงปัญหาต่างๆที่สะสมมา ทำให้ท่านตัดสินใจลาผนวช (ประวัติของท่านโดยละเอียด ลองค้นหาอ่านกันอีกทีนะครับ)
พระชินวรวงศ์ ได้รับความนับถือจากชาวสิงหลเป็นอย่างมาก รวมถึงไปแสวงบุญที่อินเดีย ยังเป็นผู้ที่มีส่วนขุดค้นพบพระบรมสารีริกธาตุจากสถูปโบราณที่เป็นหลักเสาอโศก ท่านทำหนังสือยืนต่อ เควิสเคอสัน อุปราช (Viceroy) แห่งอินเดีย ว่าในฐานะที่กษัตริย์ไทยทรงเป็นอุปถัมภกทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาเรื่อยมา เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯเพื่อทรงแจกพระบรมธาตุแก่ประเทศต่างๆต่อไป และพระบรมสารีกธาตุสำคัญนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงโปรดให้บรรจุอยู่ที่วัดสระเกตุฯ หรือภูเขาทองนั้นเอง และบางส่วนยังประดิษฐานที่พิพิธภัณฑ์ในกรุงเดลี ประเทศอินเดีย รวมถึงวัดต่างๆในศรีลังกา
… ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้าน รวมถึงความชำนาญทางด้านภาษา ทำให้ท่านเป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติที่มายึดครองดินแดนในอินเดียและศรีลังกา มีทั้งชาวเยอรมัน, ฮอลันดา และชาวสิงหล ขอให้ท่านทำการบรรพชาอุปสมบทให้ สุดท้ายชาวเมืองโคลอมโบได้อาราธนาท่านกลับจากอินเดียมาจำวัดทีปทุตตมาราม ณ โคลอมโบ ศรีลังกา ท่านได้พัฒนาวัดเรื่อยมา ได้รับการสถาปนาจากคณะสงฆ์เมืองลังกาให้มีสมณศักด์เป็นเถรนายกจังหวัดนครโคลัมโบ และยกให้เป็นเจ้าอาวาสวัดทีปทุตตมาราม ถือว่าที่นี่คือวัดไทยวัดแรกและวัดเดียว ณ เมืองโคลอมโบ ศรีลังกา และในปีพ.ศ.2451 พุทธสถานที่สำคัญที่ท่านสร้างเอาไว้คือ “รัตนเจดีย์” ศิลปะผสมผสาน ทั้ง ไทย, อินเดีย, ศรีลังกา และพม่า บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อเป็นที่สักการะบูชาต่อไป
จนเมื่อพ.ศ.2454 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯสวรรคต ทำให้พระชินวงศ์ต้องเดินทางกลับมาถวายพระเพลิงที่กรุงเทพฯ ในวันที่ท่านจากเมืองโคลอมโบ สร้างความโศกเศร้าแก่ชาวเมืองเป็นอย่างมาก เพราะรู้ว่าท่านคงไม่กลับมาอีก และสุดท้ายเมื่อท่านถึงไทย ได้ถูกเจ้านายผู้ใหญ่ขอให้ลาผนวช ท่านต้องจำใจลาสมณเพศ แล้วได้ทำงานแปลอักษรและงานเขียน ชีวิตปั้นปลายของท่านอยู่อย่างลำบาก ต่างจากชีวิตที่รุ่งโรจน์ในวัย 30 กว่าๆ หรือแม้แต่การได้รับการยอมรับเมื่อครั้งเป็นพระสงฆ์ก็ตาม ท่านสิ้นพระชนม์อย่างยากไร้ ไม่มีบุตรธิดาหรือญาติที่ไหน ในวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2477 ขณะพระชนมายุ 84 พรรษา
ถ้าท่านอ่านมาถึงจุดนี้คงเข้าใจว่า ทำไมวัดทีปทุตตมาราม (Dipaduttamarama Purana Thai Rajamaha Viharaya) ถึงได้สำคัญต่อราชวงศ์จักรีและคนไทยเป็นยิ่งนัก
เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2482 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระชนมายุ 13 พรรษา ขึ้นครองราชย์ได้ 5 ปี (ยังทรงประทับอยู่ที่เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ) พระองค์พร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระชนมายุเพียง 11 พรรษา และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จเยือนกรุงโคลอมโบ ศรีลังกา อย่างเป็นทางการ เมื่อเสด็จเยือนที่วัดแห่งนี้ ในหลวงรัชกาลที่ 8 ทรงปลูก “ต้นจันทร์สีแดง” (Red Sandal Wood) ไว้เป็นที่ระลึกถึงอีกด้วย
11 ปีต่อมา ในวันที่ 15 มี.ค. 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระชนมายุ 22 พรรษา ณ เวลานั้นทรงครองราชย์ได้เพียง 4 ปี พระองค์พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จเยือนกรุงโคลอมโบ ศรีลังกา อย่างเป็นทางการ ทั้ง 2 พระองค์เสด็จเยือนที่วัดแห่งนี้ และในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงปลูกต้นไม้ “ต้นตะกริม” สายพันธุ์ศรีลังกา (Madara) เคียงข้างต้นไม้ของพระเชษฐาที่เคยปลูกไว้ และพระองค์ก็เคยทอดพระเนตรอยู่ข้างๆเมื่อครั้งเสด็จเยือนศรีลังกาในครั้งแรก (น่าเสียดายที่ทางวัด ไม่มีภาพขณะพระองค์ทรงปลูกต้นไม้)
.
หลังจากนั้น พระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ เมื่อเสด็จมาเยือนศรีลังกา ต้องเสด็จมา ณ วัดทีปทุตตมาราม ดังนี้ (เรียงตามปี)
วันที่ 21-28 มิถุนายน 2532 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
วันที่ 19–24 มกราคม 2536 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
วันที่ 23-29 สิงหาคม 2542 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในวันที่ 28 ส.ค.2542 ทรงปลูก “ต้นจันทร์” (Sandal Wood) ถัดจากต้นในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงปลูกไว้
วันที่ 6 มีนาคม 2548 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
วันที่ 19 กันยายน 2557 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปลูก “ต้นยางนา” (Naa) ก่อนถึงต้นไม้ของในหลวงรัชกาลที่ 8
ผมเดินทางมาถึงวัดทีปทุตตมาราม อยู่ในย่าน Colombo 13 วัดดูสะอาดสะอ้าน มีโรงเรียนอยู่ใกล้กับวัด เราจึงจะยินเสียงนักเรียนตลอดเวลา เมื่อเข้ามาสู่วัดจะเป็นลานจอดรถขนาดพอดี ถัดไปคือ อาคารอเนกประสงค์ ทางด้านซ้ายมีจะเห็น “รัตนเจดีย์” สภาพสมบูรณ์มาก ถึงจะผ่านมาแล้วกว่า 100 ปี เพราะได้รับการบูรณะซ่อมแซมจากไทยเสมอมา ถัดจากรัตนเจดีย์คือ พระวิหาร ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ ภายในวิหารตกแต่งด้วยศิลปะปูนปั้น เล่าถึงพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า และภาพฝาผนังเกี่ยวกับวัดแห่งนี้ โดยมีภาพวาดของ “พระชินวงศ์” ขณะรับอุปสมบทให้เราได้ระลึกถึงคุณงามความดีของท่าน
โดยทุกๆปีในหลวงรัชกาลที่ 9 โปรดเกล้าให้เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโคลอมโบ เป็นตัวแทนของพระองค์เพื่อทอดผ้าพระกฐินพระราชทาน และวันที่ 3 มี.ค.2553 กระทรวงการต่างประเทศของไทยได้บูรณะยอดฉัตรรัตนเจดีย์ หลังการติดตั้งปล้ว ได้มีพิธีสมโภชยอดฉัตรรัตนเจดีย์แห่งนี้
ผมได้เยี่ยมชมต้นไม้ที่ในหลวงภูมิพล ทรงปลูกไว้เมื่อ 66 ปีที่แล้ว พร้อมกับถ่ายรูปเพื่อเป็นที่ระลึกและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และผมมีความหวังว่า เมื่อคนไทยที่เดินทางมาเที่ยวเมืองโคลอมโบ ถ้าคุณได้อ่านเรื่องราวที่ผมเขียนอยู่ดี ผมก็อยากให้ทุกท่านได้มาเยือนวัดแห่งนี้ ดั่งที่กษัตริย์ไทย พระสงฆ์ไทย และคนไทย ได้ทำนุบำรุงวัดแห่งนี้มายาวนานกว่า 100 ปี … จากลานจอดรถขึ้นมาบริเวณทางเข้าพระวิหาร จะมองเห็นต้นไม้ที่ล้อมรั้วไว้อย่างดี ต้นเล็กๆทางขวามือคือ “ต้นยางนา” ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปลูกไว้เมื่อปีพ.ศ.2557
ถัดมาทางซ้ายมือ จะพบกับต้นจันทร์สีแดง ถือว่าเป็นต้นไม้ที่มีอายุมากที่สุดต้นหนึ่งในบริเวณนี้ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงปลูกไว้เมื่อปีพ.ศ.2482 เมื่อครั้งเสด็จเยือนศรีลังกาอย่างเป็นทางการพร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ด้วยอายุที่ยาวนานกว่าต้นอื่นๆ ทำให้มีลำต้นที่สูงเด่นกว่าต้นอื่นๆด้วยเช่นกัน
ต้นไม้ที่มีพุ่มไม้ใหญ่ ขนาดไม่สูงมากนัก แต่ให้ร่มเงาได้ดี อยู่ถัดจากต้นไม้ของในหลวงอานันทมหิดลคือ “ต้นตะกริม” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงปลูกไว้เคียงข้างต้นไม้ของพระเชษฐา เมื่อเราได้มายืนตรงนี้ ทำให้เรานึกถึงภาพเมื่อครั้งพระองค์เสด็จมาเยือนศรีลังกาครั้งแรก พระองค์ทอดพระเนตรพระเชษฐาทรงปลูกต้นไม้ในบริเวณนี้ แล้ว 11 ปีต่อมา พระองค์ก็ทรงทำเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นที่ระลึกถึงว่าครั้งหนึ่งเคยเสด็จมาเยือน ณ วัดทีปทุตตมาราม
สุดท้าย ถัดจากต้นไม้ของในหลวงภูมิพล คือ “ต้นจันทร์” สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงปลูกไว้เมื่อปีพ.ศ. 2542 ลักษณะลำต้นสูง ขนาดไม่ใหญ่มากนัก
หลังจากนั้นมีพระสงฆ์รูปหนึ่งได้มาพูดคุยกับเรา แล้วท่านยินดีที่จะเปิดห้องชั้น 2 ของอาคารอเนกประสงค์ เพื่อทำความเคารพพระบรมสารีรกธาตุ และชมภาพต้นภาพฉบับเมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่ 8 และ 9 รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ที่เคยเสด็จมาศรีลังกา … เราเยี่ยมชมภาพพระฉายาลักษณ์หลากหลายภาพ ย้อนให้นึกถึงวันวานที่พระองค์เคยเสด็จมาเยือน ณ ที่แห่งนี้ ท่านทรงเป็นกษัตริย์ผู้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทั้งในไทยและต่างประเทศ มีพระมหากรุณาธิคุณต่อพระสงฆ์และประชาชนเรื่อยมา
ตลอด 66 ปี ต้นตะกริม ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอุลยเดช ทรงปลูกเมื่อครั้งมาเยือนศรีลังกา ครั้งที่ 2 จะยืนหยัดเคียงคู่ต้นไม้ของพระเชษฐา และต้นไม้ของพระราชธิดาทั้ง 2 พระองค์ เพื่อเป็นที่ระลึกถึงในคุณงามความดีพระมหากรุณาธิคุณของกษัตริย์ไทยในแผ่นดินศรีลังกาแห่งนี้ … ตลอดไป
.
ชมคลิปวิดีโอ “ต้มไม้ของพ่อ” ณ วัดทีปทุตตมาราม โคลอมโบ ศรีลังกา
.
ใครที่สนใจมาสักการะหรือเยี่ยมเยือนวัดทีปทุตมาราม ณ กรุงโคลอมโบ ประเทศศรีลังกา สำหรับที่อยู่ของวัดคือ
Dipadutthamarama Purana Thai Rajamaha Viharaya
Kotahena, Colombo13
Colombo, Sri Lanka
สุดท้ายผมขอขอบคุณบริษัททัวร์ P&K Travel Design สำหรับทริปศรีลังกา และคำปรึกษาดีๆตลอดการเดินทาง … หากใครสนใจจัดทริปตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป หรือไปเป็นหมู่คณะ ติดต่อที่ http://www.pandktraveldesign.com/ หรือ โทร 026832929
และติดตามรีวิวท่องเที่ยว “ศรีลังกา” เมืองอื่นๆ กดติดตามทุก Social … ผมขอรับรองว่า “ศรีลังกามีอะไรมากกว่าที่คุณคิด”
ติดตามเพจผมได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/NightPhoominOfficial
Instagram: www.instagram.com/nightphoomin
Twitter: www.twitter.com/nightphoomin