คุณจะพลาดได้ยังไง เมื่อสุดยอดซุปเปอร์ฮีโร่ในตำนานการ์ตูนคอมมิคอย่าง Batman v Superman มาเจอกันในหนังเรื่องเดียวกันทั้งที!
ก่อนที่จะคุยเรื่องต่างๆขอหนังเรื่องนี้ เราไปรู้เนื้อเรื่องแบบคร่าวๆ (จะพยายามไม่สปอยนะ) หนังเริ่มเรื่องจากมุมมองของมนุษย์บนพื้นถนนจากเหตุการณ์การต่อสู้ระหว่าง Superman กับ Zod (ฉากจบในหนัง Man of Steel) โดยหนังบิดมุมการทำร้ายล้างครั้งนี้มีผลยังไงกับมนุษย์ (รวมถึงบรู๊ส เวยน์ หรือ Batman ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้) เมื่อเหตุการณ์จบลง 18 เดือนต่อมา สังคมตั้งคำถามว่า การมีซุปเปอร์ฮีโร่เป็นสิ่งดีหรือไม่ดี? โดยมีตัวร้ายอย่าง Lex ที่มีโทสะและกิเลสที่ค่อยผลักดันให้เรื่องราวต่างๆเลวร้ายในแบบที่เขาต้องการ … ซึ่งเรื่องราวจะดราม่าและบู๊ล้างผลาญขนาดไหนต้องไปดูกันเอง
อย่างแรกต้องขอแสดงความเสียใจกับเด็กๆด้วย หนังเรื่องนี้ไม่เหมาะกับหนูๆเอาซะเลย เรื่องราวมีความรุนแรงอยู่ในเรท PG13 ส่วนตัวบทหนังเต็มไปด้วยเรื่องราวดราม่าตลอด 2 ชั่วโมงเต็ม (ความยาวหนัง 150 นาที) เขียนโดย Chris Terrio(ชนะออสการ์ บทภาพยนตร์ เรื่อ Argo) และ David S. Goyer (เขียนบท Batman เวอร์ชั่น Nolan และ Man of Steel)โดยเนื้อเรื่องพยายามชั่งน้ำหนักให้คนดูคิดตามระหว่างความยุติธรรมกับอยุติธรรม, พระเจ้ากับมนุษย์, ความดีกับความชั่ว, ทวยเทพและปีศาจ ซึ่งเรื่องราวตามๆค่อยๆพาผู้ชมไปดูความหลังที่น่าหดหู่ทั้งตัว Batman และ Superman แต่ดูเหมือนว่าความโกรธแค้นและความเดียวดายจากการเป็นลูกกำพร้าของ Batman จะมีความรุนแรงมากกว่า Superman ถึงเขาจะเป็นซุปเปอร์ฮีโร่จากต่างดาว แต่เขายังมีแฟนสาวและแม่ที่เป็นมนุษย์ธรรมดา ซึ่งเขายังมีความอ่อนโยนอยู่มาก ฉะนั้นกว่าครึ่งเรื่องของหนังเป็นสิ่งที่คนดูต้องร่วมตัดสินใจว่า สิ่งที่ Superman ได้กระทำลงไปนั้นถูกหรือผิด … แต่ดูเหมือนว่า ผู้ร้ายตัวจริงจะไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่ แต่กลับเป็น “มนุษย์” ซะเอง
การปรากฏตัวของ Wonder Woman ถือว่าเป็นไฮไลท์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ว่าได้ โดยสื่อต่างๆยกให้เธอคือตัวละครที่สร้างสีสันน่าดึงดูได้ไม่น้อย ทุกฉากที่เธอปรากฏตัวช่างมีเสน่ห์และทำให้ผู้ชมอยากดูเธอมากขึ้นไปอีก และตอนท้ายเรื่อง เธอปรากฏตัวได้อย่างพีคสุดๆ (ปูทางสู่ภาพยนตร์ Wonder Woman ตัวเต็มได้อย่างดี)
การตัดต่อและการลำดับเรื่องราว ค่อนข้างมีความสมจริงในเหตุการณ์ของตัวละครแต่ละตัว โดยแทรกปมในอดีตและความรู้สึกใต้สำนึกผ่านความฝันได้อย่างดี ซึ่งหลายๆฉากมีความหมายต้อตัวภาพยนตร์มาก (ถ้าคุณลุกไปเข้าห้องน้ำ อาจจะมีงงได้) ส่วนมุขตลกที่แทรกเข้ามา ไม่ได้เยอะแบบที่หลายคนวิจารณ์ ส่วนตัวคิดว่า มุขตลกเหล่านั้น มันบ่งบอกถึงตัวละครในเรื่องว่า “ฉันยังโอเค” มากกว่าจะตั้งใจให้ผู้ชมตลก
ในส่วนของ CGI จัดเต็มมากๆ ตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องจนถึงฉากจบ เรียกได้ว่าจัดเต็มทุกซีน โดยเฉพาะ 30 นาทีสุดท้ายของภาพยนตร์ สู้กันจัดหนักจัดเต็ม สมกับที่ปูเรื่องราวต่างๆมา 2 ชั่วโมง …แต่ต้องขอว่าก่อนว่า ใครที่หวังจะให้ Batman v Superman สู้กันตลอดเวลา ก็คงจะเป็นเรื่องตลก ภาพยนตร์มีเหตุและผลของมันว่าทำไม 2 คนนี้ต้องสู้กัน และไม่แปลกที่พอเรื่องราวต่างๆคลีคลาย ทั้ง 2 ซุปเปอร์ฮีโร่จึงเข้าใจสถานการณ์ต่างๆได้ดี (แหมถ้าเขาโง่มา เอะอะสู้กันเอง ก็ไม่เรียกว่าซุปเปอร์ฮีโร่ดิ่ครับ มันก็ดูจะโง่ไปหน่อยนะ)
ด้านการกำกับโดย Zack Snyder ผมคิดว่าแฟนหนังของเขาคงคาดหวังความสมบูรณ์แบบในแบบ Snyder ไว้สูงมากๆ จนบางคนบ่นผิดหวังกับหนังเรื่องนี้ แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง การดีไซน์มุมมองจนถึงงานด้านโปรดักชั่น Zack Snyder อาจจะตั้งใจให้ความแตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆที่เขากำกับ (300, Watchmen, Sucker Punch, Man of Steel) แต่โทนสีหรือมุมกล้องยังมีความเป็นผู้กำกับคนนี้อยู่แน่นอน
ด้านการแสดง เริ่มด้วย Henry Cavill รับบท Superman ถือว่าทำได้ดีเลย บุคลิคมีความอบอุ่นและแข็งแกร่ง มี emotional ได้ดี ทั้งในมุมของซุปเปอร์ฮีโร่, แฟนหนุ่ม, ลูกชาย รวมถึงลูกน้อง ส่วน Ben Affleck รับบท Batman เขาแสดงอารมณ์โกรธและชิงชัง จากชีวิตในวัยเด็กที่ขมขื่นได้ดี รวมถึงบุคลิคแบดบอยนิดๆก็ถือว่าใช้ได้ ไม่ได้เลยในการรับบทนี้ อีกคนที่ควรพูดถึงที่สุดคือ Gal Gadot (เคยแสดง Fast 4-7) จนเข้าตาผู้สร้างหนัง รับบทสำคัญ Wonder Woman เธอมีเสน่ห์ทุกครั้งที่ปรากฏตัวในหนัง ไม่แปลกในเลยว่าทุกคนจะชื่นชอบการแสดงของเธอ (รอดูหนังเต็มๆในปี 2017) รวมถึง Jesse Eisenberg รับบท Lex ลูกคนรวยและมีความเพี้ยน ทั้งจี๊ดทั้งร้าย (ไม่ขอเล่ามาก ต้องไปดู) ส่วนนักแสดงชื่อดังอีกมากมายอย่าง Amy Adams, Laurence Fishburne, Diane Lane เป็นต้น
สุดท้าย Batman v Superman ไม่ใช่หนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่เอะอะ กูจะสู้กันอย่างเดียว หนังมีที่มาที่ไป เล่าเปรียบเทียบให้เห็นความชั่วร้ายของความโกรธแค้น เกลียดชัง และความริษยาของมนุษย์ได้เป็นอย่างแยบยล นอกจากความสนุกที่เราได้รับจากฉากแอคชั่นสุดมันส์แล้ว เรายังต้องหันมาดูตัวเองว่า กิเลสที่ครองใจเราอยู่ ส่งผลร้ายกับตัวเราและผู้อื่นอย่างไรบ้าง เชื่อเถอะว่า คนที่ร้ายสุดคือ “มนุษย์” ไม่ใช่อสูรกายหรือซุปเปอร์ฮีโร่!
ตัวอย่าง Batman v Superman
ติดตามเพจผมได้ที่
https://www.facebook.com/NightPhoominOfficial
Instagram: @nightphoomin
Twitter: @nightphoomin