ติดตามอัพเดทการท่องเที่ยวสนุกๆกับผมที่เพจ
Facebook: https://www.facebook.com/NightPhoominOfficial
เรามักจะคุ้นชื่อ “จันทบุรี” จากการเรียนประวัติศาสตร์ เรื่องราวเมื่อครั้งพระเจ้าตากสินฯตีเมืองจันทบุรี เพื่อรวมประเทศ ก่อนที่จะสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์กรุงธนบุรี และผมเองก็เดินทางผ่านไปผ่านมาจันทบุรีอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยนอนค้างอ้างแรมที่นี้สักคืน จนสุดท้ายก็มีโอกาสได้ไปทำบุญ แล้วได้นอนพักผ่อนในบรรยากาศชุมชนเก่าริมน้ำ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวทุกคนที่ได้มาเยือน

ย่านชุมชนเก่าริมน้ำ จันทบุรี ยามเย็น
“เขาคิชฌกูฏ” พลังแห่งศรัทธา
ทุกวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี ถือเป็นวันแรกของการเปิดขึ้นเขาคิชฌกูฏ แล้วจะเปิดให้ขึ้นได้ 60 วันเท่านั้น (ช่วงปลายเดือนม.ค.-ต้นเดือนเม.ย.ของทุกปี) โดยพุทธศาสนิกชนจากทุกสารทิศเดินทางมาสักการะบูชารอยพระพุทธบาทบนภูเขาสูงชันและที่เป็นสิ่งเลื่อมใสศรัทธามาช้านาน เป็นดั่งการพิสูจน์พลังศรัทธาโดยใช้ทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์ เพื่อเป็นพุทธบูชา และนี้เองถึงเป็นที่มาของความเชื่อว่า “ใครได้มาสักการะพระพุทธบาท ณ เขาคิชฌกูฏ จะประสบความสำเร็จดั่งที่ตั้งใจอธิษฐานขอพรไว้” … จึงทำให้คนนับล้านกลับมายังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ทุกๆปี
การเดินทางไปเขาคิชฌกูฏ
ช่วงเปิดขึ้นเขา จะมีรถตู้-รถทัวร์ เดินทางไป-กลับ อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี ทุกวัน (ยังไงลองเช็คจาก google กันอีกทีนะครับ) ส่วนตัวผมเดินทางไปโดยรถส่วนตัว ผมจะแนะนำว่า เวลาขึ้นเขาที่ดีควรเดินทางไปถึงราวๆ ตี 2-3 เมื่อขึ้นไปถึงรอบพระพุทธบาท เมื่อไหว้สักการะเรียบร้อยแล้ว ช่วงเวลา 4.30น. จะมีการทำวัดเช้า พระสงฆ์นำสวดมนต์ อาราธนาศีล เจริญสมาธิ พอรุ่งเช้าก็เดินทางลงเขา ถ้าคุณไปเวลานี้ อากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนอีกด้วยครับ
ผมเดินทางออกจากกรุงเทพฯราวๆ 5 ทุ่ม ขึ้นมอเตอร์เวย์ไปทางชลบุรี-ระยอง สู่แยกอ.แกลง จ.ระยอง แล้วเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าสู่จ.จันทบุรี ผมเดินทางถึงวัดพลวง เชิงเขาคิชฌกูฏ ราวๆ ตี 2 ครึ่ง สามารถจอดรถไว้ที่ลานวัดทางด้านหลัง (บริการฟรี) หลังจากจอดรถ เราต้องเดินทางที่หน้าวัดเพื่อขึ้นวินรถกระบะเพื่อขึ้นเขา เราจะเดินผ่านร้านค้าร้านอาหารมากมาย รวมถึงจุดไหว้พระขอพรของวัดพลวงด้วย

ใครขับรถมาสามารถจอดรถที่ลานวัดด้านหลัง ฟรี

ของขายมากมายบริเวณลานจอดรถ

จุดทำบุญต่างๆภายในวัดพลวง
ค่ารถกระบะเพื่อขึ้นเขาคิชฌกูฏ คนละ 100 บาท รถจะพาเราขึ้นทางลาดชันของเขา (เตรียมผ้าปิดปากมาด้วยนะครับ เพราะถนนเป็นทางลูกรัง ฝุ่นเยอะมากๆครับ) ในปัจจุบันจะเป็นการเดินทางต่อเดียว (ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่จะต้องขึ้นรถ 2 ต่อ) เพื่อไปถึงลานพระลีวลี เป็นจุดที่ต้องลงเดิน การที่ไม่ทำทางเพื่อขึ้นให้ถึงรอยพระพุทธบาท ก็เปรียบเสมือนให้เราได้ในแรงกายเป็นพุทธบูชา ตลอดทางจะมีจุดนั่งพัก จุดทำบุญ หรือระฆังให้ตีกันตลอดทาง ถ้าเป็นวัยรุ่นก็จะเดินกันไว้หน่อย ใครมาเป็นครอบครัวมีผู้เฒ่าผู้แก่ก็อาจจะช้าหน่อย เพราะเดินรอๆกัน ก่อนจะถึงที่หมาย เราจะผ่านลานเมตตา ซึ่งลานเมตตาจะเป็นจุดวางดอกไม้ เพราะด้านบนไม่อนุญาติให้นำดอกไม้ขึ้นไป นำไปได้แต่ธูปเทียนทองเท่านั้น (ดอกไม้ธูปเทียนต้องซื้อมาจากข้างล่างตรงวินรถกระบะ เพราะด้านบนไม่มีจำหน่าย ราคาชุดละ 50 บาท)

ค่ารถกระบพขึ้นเขาคิชฌกูฏ 100 บาท (ขาเดียว)

บันไดบริเวณลานพระสีวลี จุดเริ่มต้นทางเดินขึ้นรอยพระพุทธบาท

ระหว่างทางเดินขึ้นรอยพระพุทธบาท

ลานเมตตา ดอกไม้ทั้งหมดต้องนำมาสักการะที่นี้ ไม่อนุญาตินำขึ้นไป นำไปได้แต่ธูปเทียนทอง
ผมใช้เวลาเดินขึ้นมาประมาณ 20 นาทีก็ถึงรอยพระพุทธบาท และมองเห็นก้อนบินทรงลูกบาตรขนาดใหญ่ เมื่อมาถึงเราก็รู้สึกปิติ อิ่มใจที่ได้มา อากาศบนนี้ราวๆ 18 องศาได้ เย็นสบายมากๆ (ผมถึงแนะนำให้มาตอนรุ่งเช้า เพราะเหตุนี้) เรารีบไปจับจองที่นั่งหน้ารอยพระพุทธบาท เพราะสวดมนต์ขอพร แล้วทำการปิดทอง พร้อมกับอธิษฐานจิต เป็นอันเสร็จพิธีครับ

ช่วงตี 5 พระสงห์นำสวดทำวัตรเช้า

สักการะรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ
พอเวลาตี 4 ครึ่ง เจ้าหน้าที่จะเคลียร์บริเวณลานพระพุทธบาท เพื่อให้พระสงฆ์ลงทำวัตรเช้า แล้วนำประชาชนที่ขึ้นมาถึงเขาคิชฌกูฏเวลานี้ สวดมนต์และเจริญสมาธิ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆก็เสร็จพิธีทำวัตรเช้า เราก็เดินลงจากเขามาที่ลานพระสีวลี ซื้อบัตรขึ้นรถกระบะเพื่อลงจากเขา คนละ 100 บาท
การมาไหว้พระขอพร ณ เขาคิชฌกูฏ เป็นสิ่งที่พิสูจน์แรงศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี หลายคนมาแล้วประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ ทำให้กลับมายังที่แห่งนี้ทุกๆปี สำหรับใครที่ยังไม่เคยมา แล้วอยากจะมาสักครั้ง อย่ามัวแต่ลังเล ควรหาเวลามา (มาคืนวันธรรมดาจะดีมาก คนไม่เยอะเท่าเสาร์-อาทิตย์) เพื่อพิสูจน์ตัวคุณเอง และสิ่งดีๆก็จะเข้ามาในชีวิตครับ

ทำบุญเรียบร้อย พร้อมไปเที่ยวเมืองจันทบุรีต่อครับ
ชุมชนเก่าริมน้ำ “จันทบุรี” ความเหงาที่ลงตัว
วิถีชีวิตผู้คนริมน้ำของชาวจันทบุรีมีมานานหลายร้อยปี ยิ่งเห็นเด่นชัดถึงความเจริญและคึกคักมากในช่วงพ.ศ.2436 เมื่อฝรั่งเศสได้ยึดเมืองจันทบุรีเป็นเมืองประกันนานถึง 11 ปี ทำให้ย่านนี้เป็นย่านค้าขายที่คับคั่งแห่งหนึ่งของสยาม ซึ่ง 100 ปีหลังที่ผ่านมา ชุมชนเก่าริมน้ำแห่งนี้ผ่านเรื่องราวมาแล้วมากมาย ซึ่งกาลเวลาได้บอกเล่าผ่านตึกราบ้านช่องที่ยังมีเค้าโครงดั่งเดิมอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนทรงขนมปังขิง รวมถึงลวดลายไม้จำหลักที่อ่อนช้อยงดงามประดับตกแต่งบ้าน นอกจากนี้ยังมีอาคารสไตล์ชิโนโปตุกีสให้เห็นอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบัน ตลอดเส้นทางริมน้ำความยาว 1 กิโลเมตร ถูกอนุรักษ์และพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม มีโรงแรมที่พักให้นอนพักผ่อน มีร้านอาหารของชาวบ้านและร้านสไตล์เก๋ๆให้นั่งชิลล์กันหลายร้าน … ทั้งหมดนี้ถึงเป็นที่มาของ 1 คืนอันแสนประทับใจของผมที่มีต่อจันทบุรี

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสเมืองจันทบุรีหลายครั้ง เสด็จขึ้นฝั่งบริเวณท่าหลวง (ชุมชนเก่าริมน้ำในปัจจุบัน)

บรรยากาศริมน้ำช่วงกลางวัน
จากเขาคิชฌกูฏเดินทางสู่เมืองจันทบุรีใช้เวลาประมาณ 30 นาที ผมมาถึงย่านชุมชนเก่าริมน้ำเวลาราวๆ 8 โมงเช้า มุ่งตรงไปที่ “บ้านพักหลวงราชไมตรี” แต่ก็ยังเข้าพักไม่ได้ เพราะต้องรอเวลาแขกคนก่อนเช็คเอาท์ตอน 11 โมง ถึงแม้เราจะอ่อนเพลียจากการขับรถและขึ้นเขา แต่เราจะไม่พลาดของกินอร่อยๆในยามเช้าแน่นอน “ก๊วยจั๊บป้าไหม” อยู่ตรงข้ามที่พักของเรา ก๊วยจั๊บสูตรโบราณที่ขายมาราว 60 ปี เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ขึ้นของเมืองจันทบุรี ผมสั่งมากิน 2 ชาม ให้หายกับการที่อยากกินมานาน รสชาติน้ำซุปเข้มข้นน้ำพะโล้มาก (พิมพ์ไปก็อยากกินขึ้นมาเลย) เครืองก็มีหลากหลาย ทั้งไข่, หมูกรอบ, เต้าหู, เครื่องใน อร่อยสมคำล่ำลือจริงๆ หลังจากเรากินเสร็จ ก็ไปเดินเล่นบนถนนชุมชนเก่า เพื่อมองหามุมถ่ายรูปน่ารักๆ

บรรยากาศยามเช้าของชุมชนเก่าริมน้ำ จันทบุรี

“ก๊วยจั๊บป้าไหม” รสเด็ด
บรรยากาศเช้าๆให้ความรู้สึกเหงาๆ ทุกอย่างดูช้าไปหมด อาจจะเพราะว่ามีแค่ชาวบ้านในละเวกนี้กับคนที่สัญจรไปมาเท่านั้น ซึ่งเวลาเช้าๆราว 10 โมง นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะ ยิ่งวันที่ผมมาถึงเป็นวันศุกร์ คนก็ยังถือว่าน้อยถ้าเทียบกับวันเสาร์อาทิตย์ ถนน 1 กิโลเมตรของถนนเลียบริมแม่น้ำจันทบุรีแห่งนี้ มีทั้งตึกเก่าโบราณที่สภาพดูทรุดโทรม รวมถึงอาคารไม้เก่าๆที่รับการซ่อมแซมเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังมีตึกสมัยใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นเป็นโรงแรมหรือร้านอาหารอีกด้วย

หน้าบ้านพักหลวงราชไมตรี มองเห็นถนนในย่านชุมชนเก่าริมน้ำ

ลวดลายไม้จำหลักที่อ่อนช้อยงดงามประดับตกแต่งบ้าน

ร้านขายของ บ้านทรงโบราณในชุมชนเก่าริมน้ำ

ร้านขายยาแผนโบราณที่อยู่คู่ชุมชนนี้มาหลายสิบปี

ข้าวตังสูตรโบราณ รสชาติถึงเครื่อง หากินได้ที่นี้
บ้านเลขที่ 69 ขุนอนุสรสมบัติ บ้านเรียนรู้ชุมชนริมน้ำจันทรบูร อาคารไม้ 2 ชั้น ด้านหน้าก่ออิฐถือปูน ด้านในจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่ายบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของชุมชนเก่าแก่แห่งนี้ แล้วยังมีภาพสถาปัตยกรรมของตึกอาคารบ้านเรือนในย่านนี้ว่ามีลักษณะอย่างไรบ้าง ซึ่งที่นี่ถือว่าเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมกันตลอดทั้งวัน ถ้าใครมาแล้วก็อย่าลืมบริจาคเงินเพื่อสมทบทุนเพื่ออนุรักษ์แหล่งการเรียนรู้แห่งนี้ต่อไม้ หรือจะอุดหนุนของฝากเล็กๆน้อยๆก็ได้นะครับ

บ้านเลขที่ 69 ขุนอนุสรสมบัติ

ภาพถ่ายเล่าเรื่องเมืองจันทบุรี

ภาพวาดลายเส้นสถาปัตยกรรมอาคารต่างๆในชุมชนแห่งนี้
นอกจากสิ่งปลูกสร้างที่เก่าแก่และวิถีชีวิตชุมชนที่เรียบง่าย บริเวณ 2 ข้างทางตามกำแพงตึกเก่าๆ มีภาพกราฟิตี้เท่ห์ๆน่ารักๆให้เป็นจุดถ่ายรูปเก๋ๆอีกด้วย ส่วนตัวคิดว่า ถ้าทำให้เยอะกว่านี้ คล้ายๆย่านจอร์จทาวน์ ในเมืองปีนัง มาเลเซีย คงจะเพิ่มความน่าสนใจได้อีกเยอะเลยครับ … จากย่านท่าหลวงเดินไปราว 1 กม. จะไปถึงย่านตลาดเก่า สุดทางเดินตรงสะพานข้ามแท่น้ำไปสู่ “โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล” ถือว่าเป็นโบสถ์คริสต์ที่ใหญ่ที่สุดของไทย มีอายุกว่า 200 ปี ได้รับการบูรณะเรื่อยมา ปัจจุบันถือว่าเป็นโบสถ์คริสต์ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย (เปิดให้เข้าชมด้านในบางวันเท่านั้น)

กราฟิตี้สวยๆ มุมถ่ายรูปเก๋ๆ

ร้านกาแฟบางร้านตกแต่งด้วยกราฟิตี้น่ารักๆ

สะพานข้ามแม่น้ำไปโบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล

โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล
อีกอย่างที่ผมไม่อยากให้พลาดคือ ร้านไอศกรีม ตราจรวด ชุมชนริมน้ำจันทบูร ร้าน ไอศกรีม ตราจรวด เป็น อาคารปูนผสมไม้สองชั้น ด้านหน้ารูปทรงตึกเป็นแบบยุโรป อายุของบ้านประมาณ 100 ปีเศษ จัดทำเป็นโรงงาน ไอศกรีม ตราจรวด และบ้านพักอาศัย หน้าบ้านตั้งถัง ไอศกรีม ตราจรวด หลายหลายรส จำหน่ายแก่คนทั่วไป ในอดีตบ้านนี้เป็นของตระกูล หลวงราชไมตรี และแบ่งให้เช่า ประมาณปี 2502 ป๋า กับ แมะ ของลุงแช หรือคุณปัตตโชติ กตัญญูกุล ได้มาเช่า 1 ห้อง เพื่ออยู่อาศัย และทำโรงงาน ไอศกรีม ตราจรวด ด้วยเครื่องจักร เป็น แห่งแรกของเมืองจันทบุรี

หน้าร้อานไอศครีมตราจรวด

อากาศร้อนๆต้องจัดสักแท่ง
พอเราเดินเล่นกันพอสมควรก็พักเหนื่อยด้วยการดื่มกาแฟเย็นๆ ก่อนที่จะกลับไปนอนพักผ่อนที่โรงแรม เพราะเราก็เดินทางกันมาตลอดทั้งคืน จนตอนนี้ก็สายมากแล้ว ความอ่อนเพลียย่อมมีมากเป็นธรรมดา ได้เวลา check-in พอดีเลย… “บ้านพักประวัติศาสตร์หลวงราชไมตรี” คือบ้านพักที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของชุมชนเก่าริมน้ำ โดยชาวบ้านหลายร้อยครัวเรือนเป็นเจ้าของร่วมกัน เริ่มต้นหุ้นละ 1,000 บาท จากอาคารเก่า 4 หลัง ตกแต่งเป็นห้องพัก 12 ห้อง 12 สไตล์ ให้ความรู้สึกอบอุ่น การบริการเป็นกันเอง ซึ่งใครที่ได้มาเยือน มักพูดเป็นเสียงเดียวกันถึงความประทับใจ นอนพักเอาแรงสักหน่อย ค่อยมาสัมผัสวิถีชีวิตยามเย็นของคนเมืองจันท์ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ถ่ายหน้าบ้านพักประวัติศาสตร์หลวงราชไมตรี

ห้องพัก 12 ห้อง 12 สไตล์

นั่งเล่นริมน้ำ บรรยากาศก่อนพระอาทิตย์ตกดิน

ร้านช่วงกลางวันเริ่มปิดแล้ว

โรตีร้านนี้อร่อยมาก เปิดตอนเย็นๆ

มุมสวยๆในร้านกาแฟย่านชุมชนเก่าริมน้ำ

ร้านอาหารและโรงแรมริมแม่น้ำจันทบุรี
ช่วงเย็นของชุมชนเก่าริมน้ำจันทบุรี เริ่มมีร้านอาหาร ร้านขนม คาเฟ่เล็กๆ เปิดบริการตลอดสาย เป็นบรรยากาศริมน้ำที่ดูเหงาๆ แต่มีความสงบอยู่ในตัว คนเแถวนี้ได้บอกเล่าให้ฟังว่า “ช่วงที่คนคึกคักจะเป็นช่วงงานวันลอยกระทง ชาวจันทบุรีและนักท่องเที่ยวจับจองบริเวณริมท่าน้ำเพื่อนำกระทงมาลอยกัน คนจะเยอะเป็นพิเศษ” ซึ่งบรรยากาศตอนนั้นกับตอนนี้ที่ผมสัมผัสคงต่างกันมากๆ แต่เสน่ห์วิถีชีวิตผู้คนกับความเจริญที่เข้ามานั้น ผสมผสานได้อย่างลงตัว ไม่มากไปไม่น้อยไป เพราะต้องยอมรับว่าแหล่งท่องเที่ยวบางพื้นที่ พอคนไปเที่ยวมากๆ ทำให้บรรยากาศดีๆเหล่านั้นเสียไป

บรรยากาศถนน 1 กม. เลียบริมน้ำของชุมชนเก่าในตอนกลางคืน

ร้านอาหารริมน้ำย่านชุมชนเก่า

บรรยากาศริมน้ำตอนกลางคืน
นอกจากบริเวณชุมชมริมน้ำแล้ว อาหารการกินของจันทบุรีก็เป็นที่ขึ้นชื่อลือชา จะให้ผมตะเวนกินให้ผมในเวลาแค่คืนเดียวก็เป็นไปไม่ได้ จากริมน้ำไปยังตลาดซุ้ย แหล่งอาหารยามค่ำคือของเมืองจันทบุรี ถ้าเดินไปใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ถึง ก่อนมาที่นี้ เพื่อนๆน้องๆที่เป็นจันทบุรีแนะนำให้กินร้านข้าวต้มสมบูรณ์ ผมขอบอกสั้นๆว่า อร่อยเลิศ สมคำล่ำลือจริงๆ ถัดมาก็มาต่อกันที่ขนมหวานแบบไทยๆที่ร้านอรทัย ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับร้านข้าวต้นสมบูรณ์ ใครชอบขนมไทยแท้ๆต้องไม่พลาดร้านนี้ครับ

ของกินในเวลากลางคืนกลางเมืองจันทบุรี

ร้านข้าวต้มสมบูรณ์

รสชาติ 5 ดาว อร่อยเว่อร์

ขนมหวานไทยๆ ร้านอรทัย

รับประทานอาหารเช้าริมแม่น้ำจันทบุรี
หลับไปตื่นมา สูดอากาศยามเช้าริมแม่น้ำจันทบุรี เดินเล่นเก็บตกอีกนิดหน่อยก็เตรียมตัวกลับกรุงเทพฯแล้ว อิ่มบุญ อิ่มท้อง และอิ่มอกอิ่มใจ ที่ได้มาเยือนจันทบุรี จริงๆจังๆสักที ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ไปแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เพราะเวลาจำกัด แต่การมาได้ใช้ชีวิตในชุมชนเก่าริมแม่น้ำ ดูวิถีชีวิตผู้คนที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของคนเมืองจันท์ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าประทับใจ … ลองมาสัมผัสด้วยตัวคุณเองนะครับ
ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม พอกันใหม่รีวิวหน้าครับ อย่าลืมกดติดตามในเพจนะครับ
ติดตามเพจผมได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/NightPhoominOfficial
Instagram: www.instagram.com/nightphoomin
Twitter: www.twitter.com/nightphoomin